วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

เด็กชายจากดาวอื่น

เขียน :  วาวแพร

เล่าเรื่องผ่านเด็กชายปานที่มีนิ้ว มือ ๑๑ นิ้ว มีปานสีแดงน่าเกลียดที่แก้มซ้ายและพูดติดอ่าง เด็กฅนที่ ๒๕ จาก จำนวน ๔๙ ฅน ในสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ของเด็กๆ ที่มีต่อเหตุการณ์ต่างๆ ความคิดต่อบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องใน ชีวิต ถ้อยคำ และการแสดงออกของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็ก

เป็นเพียงเรื่องของเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง จากพ่อแม่ ซึ่งอาจไม่ต้องการหรือไม่พร้อมที่จะมี แล้ว 'แม่หมอเพ็ญ' จำเป็น ต้องบอกเด็กๆ ที่ตนเก็บมาเลี้ยงดูว่าพวกเขามาจากดาวดวงอื่น เพื่อตัดปัญหา ทางจิตใจของเด็กที่ยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจ ก่อนที่จะเปิดเผยความจริงให้ ทราบเมื่อพวกเขาโตมากพอ

ในโลกนี้และสังคมนี้ มีเด็กประเภทที่ 'มาจาก ดาวอื่น' เป็นจำนวนมาก ถึงแม้จะยังไม่สามารถทำให้ 'รัก' พวกเขาได้ ก็ขอให้ ทำตัวเป็น 'เทวดานางฟ้า' สักครั้งหนึ่งในชีวิตก็ยังดี เพราะแม้พวกเขาจะ 'มา จากดาวอื่น' แต่ความจริงก็คือ ในขณะนี้ทุกฅนต่างอยู่บนดาวดวงเดียวกัน และ ถ้าหากตัวเองต้องกลายเป็น 'เด็กจากดาวอื่น' บ้าง จะรู้สึกอย่างไร

ลูกอีสาน

ลูกอีสาน เป็นหนังสือซีไรต์เล่มแรกของไทย และได้รับรางวัลอีกมากมาย ถ่ายทอดสดจากปลายปากกาของ คำพูน บุญทวี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ได้รับการยกย่อง เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2544

           
เรื่อง ราวของ ลูกอีสานนั้น เป็นการนำเสนอเกร็ดชีวิตของผู้เขียน (คำพูน บุญทวี) สะท้อนความเป็นอยู่ตามธรรมชาติ สังคม และประเพณีของชาวที่ราบสูงดินแดนอีสาน ผ่านตัวละคร เด็กน้อยที่ชื่อว่า "คูน" และพ่อ พร้อมทั้งการดำเนินชีวิตของชาวชุมชนที่ต้องดิ้นรนต่อสู้กับความแร้นแค้น ที่หล่อหลอม พวกเขาให้เป็น "ลูกอีสาน" อย่างแท้จริง และจากการที่ผมได้รับชมหลายครั้ง สิ่งที่ได้มองเห็นคือ การรักถิ่นฐานบ้านเกิดของพ่อของคูณ เพราะ ณ ช่วงเวลานั้น ภาคอีสานได้เกิดความแห้งแล้งเป็นอย่างมาก ผู้คนก็มีการอพยพถิ่นฐานกันเป็นจำนวนมากเพื่อไปแสวงหาถิ่นฐานแห่งใหม่ เพื่ออนาคตที่ดีของครอบครัวตนเอง แต่พ่อคุณกลับไม่ยอมย้ายถิ่นฐานตามผู้คนเหล่านนั้นไป

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

เด็กชายที่ยังเลวไม่พอ

ชื่อเรื่อง...เด็กชายที่ยังเลวไม่พอ 
ชื่อผู้แต่ง...เอลีน  โคลเวน 
สำนักพิมพ์...เรจีนา  ปีที่พิมพ์...2544

มีเด็กชายคนหนึ่งชื่อคลาวด์ เขาเป็นเด็กซึ่งเลวมากจนผู้คนที่อยู่ไกลและใกล้ได้ยินถึงคาวมซนของเขา ครั้งหนึ่งเมื่อมีคุณย่ามาอยู่กับเขาด้วยคลาวด์จับกบอ้วนมาไว้บนเตียงของ ท่าน  และอีกครั้งหนึ่งเมื่อคุณครูไม่ทันได้มองเขาก็เลื่อนเข็มนาฬิกาของ โรงเรียนทำให้เด็กๆได้กลับบ้านก่อนเวลาถึง2ชั่วโมง  และมีอีกที่เขาเลวมากคือเขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่สูงที่สุดในสวนแล้วผูกเสื้อ เชิ้ตตัวที่ดีที่สุดของคุณพ่อไว้บนกิ่งไม้ที่สูงที่สุดมันจึงโบกตามลมราวกับ ธง   คุณพ่อคุณแม่และพี่น้องของเขาได้ใช้ทุกวิธีทางที่จะหยุดความซุกซนของคลาวด์ และทำให้เขาเป็นเด็กดีขึ้นพวกเขาให้เขาอดอาหารและไม่ให้ไปดูละครสัตว์แต่มัน ก็ไม่เป็นผลและวันหนึ่งทุกคนในเมืองต่างได้ยินถึงความซนของคลาวด์และไม่นาน ข่าวก็แพร่กระจายไปถึงหูแม่มดซึ่งแก่ที่สุด น่าเกลียดที่สุดและชั่วร้ายที่สุดในอณาจักรก็ทราบข่าว   จึงมาหาเด็กชายคลาวด์ที่บ้านและก็จะมาพาตัวเด็กชายคลาวด์ไปที่โรงเรียนพ่อมด ที่มีแต่เด็กเลว
    
ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
การที่คลาวด์เป็นเด็กซนและเป็นเด็กที่ชอบแกล้งผู้อื่นทำให้คนในเมืองต่าง ก็ไม่ชอบนิสัยของคลาวด์จึงทำให้คลาวด์ไม่มีเพื่อนคบและพ่อแม่ผู้ปกครองก็ไม่ อยากให้ลูกๆมาคบกับคลาวด์และก็ไม่ยอมให้ลูกของตนเองมาเล่นด้วยเด็ดขาดจึงทำ ให้คลาวด์ไม่มีเพื่อน
    
การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
1.  รู้จักทำตัวมีระเบียบเพื่อที่จะได้อยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในสังคม
2.  รู้จักการแบ่งปั่นและช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อน
3.  เชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดามารดาและญาติผู้ใหญ่
   
ข้อความที่ประทับใจ / ข้อคิดเห็นของนักเรียน
การที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งกลับตัวกลับใจเป็นคนดีถือว่าเป็นเรื่องที่น่า ยกย่องแก่เด็กผู้ชายคนนั้นที่คิดได้ว่าการที่เคยเป็นเด็กเลวทำให้คนอื่น เดือดร้อนและทำให้พ่อแม่พี่น้องต้องเสียใจมากและแล้วเขาก็คิดได้และกลายเป็น คนดีในสุด

ครอบครัวอบอุ่น

ชื่อเรื่อง ครอบครัวอบอุ่น
ชื่อผู้แต่ง ทองดี สุรเตโช
สำนักพิมพ์ สำนักงานกิจกรรมสตรีและสถานบันครอบครัว ปีที่พิมพ์ 2552
สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
ครอบครัวอบอุ่น
คำว่า ครอบครัว เป็น คำที่มีความหมายมาก คือ หมายถึงความรักความอบอุ่น ความเป็นอันเดียวกัน สมัยลูกเป็นเด็กๆ เราอยู่รวมกันเป็นครอบครัว มีเสียงหัวเราะสนุกสนาน มี เสียงวิ่งเล่นวิ่งไล่กัน ได้ทานอาหารรวมกัน ได้อะไรด้วยกัน ดูมันมีชีวิตชีวา แม้พ่อแม่จะทำงานเหน็ดเหนื่อยกันมา พอเห็นหน้าลูกๆ มาคอยต้อนรับหน้าประตู ถามว่าเหนื่อยไหมแล้วช่วยถือกระเป๋าถือของให้ เท่านี้ก็หายเหนื่อยแล้ว เห็นลูกกินได้นอนหลับ พ่อกับแม่ก็สบายใจนี่แหละลูกเอ่ยที่เขาว่าครอบครัวที่อบอุ่น ตอนนี้ลูกก็โตกันแล้ว หากสามารถเสบเป่าได้ พ่อกับแม่ก็อยากจะเสบเป่าให้ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่น พร้อม หน้าพร้อมตากัน เหมือนตอนเป็นเด็กทานข้าวด้วยกัน ถามไถ่สุขของกันและกัน ได้อุ่มหลานตัวน้อยๆ เท่านี้ก็ยืนอายุให้พ่อกับแม่ได้อีกหลายปีแล้วลูกเอ่ย
ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
1 รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
2 รู้จักความเป็นอยู่ของครอบครัวว่าเวลาพ่อแม่ทำงานหาเงินมาซื้อกับข้าว พ่อกับแม่ต้องทนเหน็ดเหนื่อยมากขนาดไหน เพื่อจะให้ลูกๆอยู่กินมีความสุข
ข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
จากที่เราได้อ่านมาแล้วเรื่องครอบครัวอบอุ่นมาแล้วเราสามารถนำมาประยุกต์ได้ในชีวิตประจำวัน เพราะการเป็นแม่นั้นควรที่จะทำให้ลูกๆมีความสุขถึงพ่อกับแม่จะทำงานเหน็ดเหนื่อยกันมาเพียงใด
ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน
แม้ พ่อกับแม่จะทำงานเหน็ดเหนื่อยกันมาแค่ไหน พอเห็นหน้าลูกๆเท่านี้ก็หายเหนื่อยแล้ว พ่อกับแม่ก็สบายใจแล้ว นี่แหละลูกเอ๋ยที่เขาว่าครอบครัวที่อบอุ่น

รักพอดีๆ

ชื่อเรื่องรักพอดีๆ                                 
ชื่อผู้แต่งอชิรญา    แจแปน
สำนักพิมพ์บริษัท  แฮ๊ปปี้บุ๊ค  พับลิชชั่ง  จำกัด   ปีที่พิมพ์…2553

สาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
      ปริมาณความรักคงไม่สามารถวัดด้วยหน่วยวัดน้ำหนักได้   เพราะความรักเป็นเรื่องนามธรรมจับต้องไม่ได้  แต่สามารถสัมผัสรับรู้ความรู้สึกได้  รักแค่ไหนถึงเรียกว่าพอดี  จึงไม่สามารถกะเกณฑ์เป็นตัวเลขได้  มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่จะรู้ดีว่ารักแค่ไหนถึงจะพอดี
      รักแบบพอดีมันต้องอาศัยองค์ประกอบของความรักและเหตุผล  รักแบบพอดีของคนๆหนึ่ง  ไม่จำเป็นต้องเท่ากับของอีกคนเสมอไปและไม่มีใครสามารถรกำหนดแทนกันได้  เพราะอย่างนี้คนที่รักในวัยเรียนต้องเป็นผู้กำหนดเอง โดยดูจากปัจจัยต่างๆเช่น  ความรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหน  ผลการเรียนอยู่ระดับไหน  ควาสัมพันธ์ของคนรอบข้างเป้นอย่างไร  และอื่นๆ  ถ้าปัจจัยเหล่านี้อยู่ในขั้นตอนพอใจ  มีความรับผิดชอบอย่างเต็มที่  การเรียนอยู่ในขั้นดี  ก็ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง  ความรักแบบพอดีของคนเหล่านี้จึงสามารถเลยครึ่งแก้ว(น้ำ)มาได้


ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
     ในการที่เราจะรักใครคนหนึ่งนั้น  เราควรรักแบบพอดี  ไม่หักโหมจนเกินควรคำนึงถึงสิ่งรอบข้างด้วยว่า  เมื่อเรามีรักแล้วมันทำอะไรเสียหายหรือเปล่า  อย่างเช่น  ในเรื่องการเรียนของเราและอื่นๆ  รวมถึงการที่เรารักอย่างมีเหตุผล

การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
     เราก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์เมื่อเรารู้สึกอยากจะรักใครสักคน  ให้รู้จักพอดีของความรัก  เพื่อที่จะได้ไม่ผิดหวังกับความรักและนั่งเสียใจเป็นเหมือนวัยรุ่นงมงายทั่วไป

ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน
       รักเป็นสิ่งที่ไม่สามารถกะเกณฐ์ได้  แต่เราจะรู้ว่าพอดีได้ด้วยความรู้สึกของคนสองคน

ศิษย์ที่ครูไม่ต้องการ

ชื่อเรื่อง  ศิษย์ที่ครูไม่ต้องการ

ชื่อผู้แต่ง  พินิตย์ พันธประวัติ

สำนักพิมพ์  โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว  ปีที่พิมพ์ 2525

สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน

    เด็กชายเดช เดชากุล เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นลูกคนเดียวของผู้มีอันจะกินคนหนึ่งถูกพ่อแม่ตามใจมากเกินไป เดชเป็นเด็กฉลาดแต่เขาไม่สนใจต่อการเรียนขาดเรียนบ่อย เอาแต่ใจตนเอง วันหนึ่งเดชมาเรียนตามปกติครูพรทิพย์จึงเรียกเดชมาพบที่โต๊ะหน้าห้องแต่เดช ไม่ยอมออกมาทำเป็นไม่สนใจต่อคำพูดของคุณครูและมีการโต้ตอบทำให้ครูไม่สามารถ ข่มใจได้อีกจึงพูดสั่งสอนเดชอย่างโมโห วันรุ่งขึ้นเดชมาเรียนเพียงครึ่งวันแล้วก็หิ้วกระเป๋าเดินคอตกกลับบ้าน ครูพรทิพย์สังเกตุว่าช่วงนี้เดชมาเรียนทุกวันแต่งกายเรียบร้อยแต่ซึมเศร้า ครูพรทิพย์ทำเป็นไม่สนใจเดชไม่ใยดีจนกระทั่งถึงวันสอบอ่านวิชาภาษาไทยเดชก็ เข้ามาจะสอบแต่ครูไม่สนใจไม่พูดด้วยเขาก็เดินออกไปแล้วเดินกลับบ้านน้ำตาซึม วันรุ่งขึ้นเดชไม่มาเรียนหลายวันและครูได้ข่าวว่าเดชไม่สบายครูจึงไปเยี่ยม ที่บ้านเดชขอโทษคุณครู คุณครูพรทิพย์ให้อภัยเดชทุกอย่างเพราะเดชได้ปรับปรุงตัวเองจนกลายเป็นคนละคน คุณครูพรทิพย์มีความสุขสุดที่จะกล่าว

ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน

   ได้รู้ถึงความรักที่ครูมีต่อลูกศิษย์ความอดทนเพื่อให้ลูกศิษย์เป็นคนดี คุณครูต้องการลูกศิษย์ทุกคนขึ้นอยู่ที่ตัวเราว่าจะทำตัวให้ครูต้องการหรือ ไม่ต้องการ

การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

    ทำให้เราคิดได้ว่าถ้าไม่สนใจต่อการเรียนเราจะไม่เป็นที่รักของคุณครู ทำให้เราปรับปรุงตัวเองกับการเรียนในชีวิตประจำวันของเราให้ดียิ่งขึ้น

ข้อความประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน

    ข้อความที่ครูให้อภัยต่อเดช สะท้อนให้เห็นความมีเมตตาสงสารพร้อมที่จะให้อภัยเมื่อเรากลับตัวเป็นคนดี

อยากให้บ้านนี้มีแต่รัก

ชื่อผู้แต่ง  ประภาศรี  เทียนประเสริฐ

สำนักพิมพ์  โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว

ปีที่พิมพ์  2539

สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน

  อรวีเป็นสาวน้อยร่างโปร่งผิวขาวและเป็นลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจชื่อดังเธอ เกิดในครอบครัวที่มีฐานะความเป็นอยู่ดีแต่เธอไม่มีความสุขสบายดังฐานะของเธอ เลย ชีวิตของอรวีจึงเป็นชีวิตแบบหนึ่งในสังคมปัจจุบัน ตอนนี้อรวีเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เขาน้อยอกน้อยใจตลอดเวลาถ้าคิดถึงเรื่องภายในครอบครัวของเขาเพราะพ่อแม่ ของอรวีไม่เคยมีเวลาให้เขาเลยแม้แต่วันหยุดเรียนก็ยังต้องออกไปพบปะสังคมภาย นอกปล่อยให้เธออยู่บ้านตามลำพังคนเดียวไม่มีคนที่จะปรึกษาไม่มีคนคอยถามข่าว การเรียนของเขาเลย อรวีตื่นแต่เช้าออกจากบ้านเพื่อจะไปเรียนหนังสือดดยที่แม่กับพ่อของเขายัง ไม่ตื่นนอนเลยพอกลับมาถึงบ้านก็ไม่มีใครอยู่มีแต่คนใช้เพราะพ่อกับแม่ไปทำ งานกว่าจะกลับอรวีก็เขานอนแล้วชีวิตของอรวีเป็นอย่างนี้ทุกวันจนบางครั้งทำ ให้อรวีไม่อยากกลับบ้านเลยเขาไม่เคยมีความสุขเขาอยากมีชีวิตเหมือนคนปกติถึง แม้จะมีฐานะไม่ร่ำรวยแต่เขาขอแค่พ่อแม่ลูกอยู่พร้อมหน้ากินข้าวด้วยกันแค่ นี้ก็พอใจแล้ววันหนึ่งเขาไปเรียนตามปกติก็มีเพื่อนของเขาคนหนึ่งมาคุยกับอร วีบอกว่าเขาเสียตัวให้กับผู้ชายที่พึ่งรู้จักจากการไปเที่ยวพับกลางคืนอรวี ตกใจมากจากเรี่องที่ได้ฟังทำให้อรวีคิดได้ว่าไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยและอบอุ่น เท่าบ้านของเขาเองไม่มีใครที่จะให้ความรักกับเราเท่าพ่อกับแม่

ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน

ครอบครัวจะเป็นสุขได้ถ้าทุกคนรู้จักหน้าที่ยอมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกัน และกันรู้จักให้อภัยไม่มีทิฐิเข้าใส่กันไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือลูกต่างคน ต่างก็เป็นกระจกเงาให้กันและกันบ้านก็จะอบอุ่นด้วยไอรัก

การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

ตั้งใจเล่าเรียนไม่เที่ยวไหนตามใจชอบมีอะไรปรึกษาพ่อกับแม่

ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน

เนื้อหาสาระที่เน้นให้เห้นความสำคัญของสถาบันครอบครัวตลอดจนตระหนักใน ปัญหาต่างๆที่อาจมีผลกระทบต่อคนในครอบครัวโดยเฉพาะวัยรุ่นและแนวทางการแก็ป ัญหาเพื่อสร้างความรักความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกในครอบครัว

ชื่อเรื่่อง  เกือบสายไปแล้ว
ชื่อผู้แต่ง  ถวัลย์  มาสจรัส
สำนักพิมพ์  คุรุสภาลาดพร้าว  ปีทีพิมพ์  2539
สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
             ช่วงวัยของชีวิตไม่มีใครปฏิเสธิได้เลยว่าวัยรุ่นวัยเรียนนั้นน่าสนุกที่สุด เพราะเมื่อเราจากไกลบ้านแล้วนั้นเท่ากับว่าไม่มีผู้ใหญ่คอยขีดขวางอีกแล้ว กับการมีชีวิตตามลำพังมีบททดสอบมากมายให้ลองผิดลองถูกทุกอย่างขึ้นอยู่กับ เราตัดสินเลือกหนทางเดินเองทั้งสิ้นดั้งนั้นคนคนหน่งที่เรารู้จักโดยบังเอิญ ชีวิตวัยเด็กเขาเป็นเด็กดีมากถูกเลี้ยงมาอย่างดีเขาเป็นลูกคนเดียวจึงุถูก ตามใจในทุกๆเรื่องหลังจบชั้นประถมก็ต่อชั้นมัธยมเมื่อออกสู่โลกภายนอกทำให้ เขาหลงระเริงกับสภาพบรรยากาศใหม่ๆเรียนได้ไม่กีปีชีวิตเขาก็เปลี่ยนไป ทุกอย่างทางที่ไม่ดีไม่ใส่ใจการเรียนติดยานานวันก็ยิ่งหนักขึ้นเป็นตัวปัญหา ที่ว่าสังคมไม่ต้องการทางบ้านจึงได้ส่งตัวไปเมืองนอกเผื่อส่าจะดีขึ้นแต่ กลับรุนแรงเข้าไปอีกเมื่อทางบ้านทราบข่าวสิ่งที่หวังจึงหมดหนทางสุดท้ายเขา ถูกส่งตัวกลับบ้านหลังจากนั้นเขาทำอะไรก็ไม่มีใครสนใจจนเขาเองก็รู้สึกกเเ ปลกใจวันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เขาเกือบ ตายในขณะที่เขาอาการโคม่าเขาได้สำนึกถึงการกระทำอันเลวร้ายที่ผ่านมาเขาได้ สัญญากับตัวเองว่าหากเขาหายจากอาการแล้วคนแรกที่จะขอโทษคือพ่อแม่และจะเป็น คนดีตลอดชีวิตถ้ามีชีวิตกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
           
ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
ชีวิตของเรามีค่ามหาศาล
ก่อนที่เราจะทำสิ่งไม่ดีให้นึกถึงพ่อแม่เสียก่อน
ในยามที่เราไม่สบายและท้อแท้คนที่อยู่เคียงค้างเราคือพ่อแม่

ลูกตาลเป็นเหตุ

ชื่อเรื่อง  ลูกตาลเป็นเหตุ
ชื่อผู้แต่ง   รศ  อรพรรณ  พนัสพัฒนา
สำนักพิมพ์  คีรีบูน     ปีที่พิมพ์  2547
สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
   นักเดินทางคนหนึ่งรู้สึกป่วยอย่างกะทันหันเนื่องจากความรอนของเเสงเเดด  จึงหยุดพักใต้ต้นตาลในไร่ข้างถนน  ในไม่ช้านักเดินทางก็สั่นตัวด้วยพิษไข้ ขณะนั้นนกกาตัวหนึ่งอยู่บนพื้นดินใกล้ๆกับนักเดินทาง รู้สึกสงสัยจึงบินไปเกาะบนลูกตาลซึ่งสุกจนงอม   เเล้วลูกตาลลูกนนั้นก็หล่นมาโดนศรีษะของนักเดินทางทำใหเขาได้รับบาดเจ็บ  ในไม่ช้าก็มีคนผ่านมาเห็นก็พานักเดินทางไปหาหมอ  เมื่อฟื้นจากกการบาดเจ็บ เขาก้ไปฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของไร่ แต่ผู้ใหญ่บ้านกลับฟ้องคดีของเขาโดยอ้างว่านกกาตัวนั้นเป็นต้นเหตุทำให้ลูก ตาลตกลงมา  นักเดินทางไม่พอใจจึงนำความไปกราบบังคมทูลเจ้าหญิงผู้พิพากษา  เจ้าหญิงพิจารณาคดีเเล้วตัดสินใจว่า  ''เจ้าของไร่ตาลต้องจ่ายค่าเสียกหายเเก่นักเดินทาง''
                  
ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
                          1   เราไม่ควรทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
                  
การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
                           1  ทำไห้เราระมัดระวังไห้มากกว่านี้
                 
ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน
                           ผ้ใหญ่ยกฟ้องคดีของเขาโดยอ้างว่านกกาเป็นต้นเหตุทำให้ลูกตาลตกลงมา

ของขวัญอันล้ำค่า

ชื่อเรื่อง ของขวัญอันล้ำค่า
ชื่อผู้แต่ง นิรันศักดิ์ บุญจันทร์
สำนักพิมพ์ ธารอักษร ปีที่พิมพ์ 2551
สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
เรื่องราวซึ้ง ๆ ของหญิงสาวตาบอดคนหนึ่ง ที่เกลียดตัวเอง เกลียดโชคชะตาที่ทำให้เธอตาบอด จนพาลไปเกลียดทุก ๆ คนรอบตัวเธอไปด้วย แต่ทว่าเธอกลับทุ่มสุดหัวใจรักแฟนหนุ่มที่ทำทุกอย่างเพื่อเธอ และให้กำลังใจเธอในทุก ๆ สถานการณ์ เธอบอกกับแฟนหนุ่มของเธอว่าถ้าฉันได้กลับมาเห็นโลกที่สวยงามอีกครั้ง ฉันจะแต่งงานกับเธอ
และแล้ว วันหนึ่งได้มีผู้ใจบุญบริจาคดวงตามาให้เธอ หลังจากการผ่าตัดที่ผ่านพ้นไปด้วยดี และแล้วก็มาถึงวันที่ถอดผ้าพันแผลออก ทำให้เธอได้มองเห็นโลกอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งได้เห็นแฟนหนุ่มที่อยู่เคียงข้างเธอมาตลอด แล้วแฟนหนุ่มก็ถามเธอว่าผมดีใจที่คุณมองเห็นอีกครั้งหนึ่ง ผมอยากจะขอคุณแต่งงานตามที่สัญญากันไว้ คุณจะแต่งงานกับผมไมครับ
หญิงสาวมองหน้าแฟนหนุ่มของเธอและเห็นว่า แฟนหนุ่มของเธอนั้นตาบอด เธอตกใจอย่างมากกับตาที่ปิดสนิทของแฟนหนุ่ม และไม่คาดฝันมาก่อนว่าแฟนหนุ่มของเธอนั้นตาบอด เธอคิดว่าเธอคงทนไม่ได้ที่จะต้องอยู่ต้องเห็นแฟนหนุ่มที่ตาบอดนี้ไปตลอด ชีวิตของเธอ ทำให้เธอปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเค้า
แฟนหนุ่มของเธอจากไป พร้อมกับความเศร้าโศกเสียใจ และ น้ำตาที่นองหน้า และหลายวันต่อมาเธอก็ได้พบข้อความที่แฟนหนุ่มเขียนให้เธอว่าช่วยดูแลตาของคุณให้ดีที่สุดนะครับที่รัก เพราะก่อนที่ตาคู่นี้จะเป็นของคุณ มันเคยเป็นของผมมาก่อน
นี่คือเรื่อง ราวที่อาจจะเกิดกับใครหลาย ๆ คน โดยเมื่อสถานะของเราเปลี่ยนแปลงไป ก็ทำให้ความคิดเปลี่ยนตามไปด้วย บางคนลืมไปเลยว่าชีวิตในอดีตของตนเคยเป็นอย่างไรมาก่อนหน้านี้ ลืมสิ่งที่เคยมีความสำคัญกับเราอย่างมากในอดีต และบางครั้งก็ลืมไปว่าใครที่เคยอยู่เคียงข้างเรา ช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
 
ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
1.เราควรคิดให้ดีก่อนที่จะสัญญากับคนอื่น
2. เราควรนึกถึงสิ่งดีๆที่เขาค่อยทำให้เรา
3.เราอย่าดูคนที่ด้อยกว่าเรา ในเมื่อเราเคยเป็นเหมือนกับเขา
 
การนำข้อคิดไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ทำให้เรารู้ว่าใครคือคนที่ค่อยอยู่เคียงข้างเราเสมอมา คือคนที่ดูแลเรายามเรามีทุกข์
อย่าให้สัญญากับใคร โดยที่ยังไม่แน่ใจ
 
ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน
“ช่วยดูแลของคุณให้ดีนะครับสุดที่รัก เพราะก่อนที่ตาคู่นี้ ก่อนที่จะเป็นของคุณมันเป็นของผมมาก่อน”

ความจริงที่ต้องการ

ชื่องเรื่อง ความจริงที่ต้องการ
ชื่อผู้แต่ง  ถวัยย์  มาศจรัส
สำนักพิมพ์  ธารอักษร    ปีที่พิมพ์  2551
สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
เด็กตาบอดคนหนึ่งนั่งที่ขั้นบันไดของตึก  โดยมีหมวกวางหงายไว้ข้างๆมีป้ายเขียนไว้ข้างตัวว่า"ผมตาบอด กรุณาช่วยด้วย" มีเหรียญเพียงสองสามอันในหมวก  ชายคนหนึ่งเดินผ่านมา เขาหยิบเงินสองสามเหรียญจากกระเป๋า  แล้วหย่อนลงในหมวก  เขาหยิบป้ายข้างเด็กตาบอดมาเขียนที่ข้างหลัง  แล้ววางไว้ที่เดิม  เพื่อให้คนเดินผ่านแล้วได้เห็นข้อความใหม่บนป้ายในไม่ช้า....หมวกก็เต็ม  ผู้คนมากมายให้เงินแก่เด็กตาบอด
บ่ายวันนั้นชายที่เขียนป้ายให้ใหม่กลับมาดู ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้น เด๊กชายจำเสียงฝีเท้าของเขาได้ก็ถามขึ้นว่า"คุณใช้คนที่เขียนป้ายให้ผมใหม่ เมื่อเช้าใช่ไมครับ" คุณเขียนว่าอะไรครับ  ชายคนนั้นพูดขึ้นว่า "ฉันแค่เขียนความจริง  ฉันเขียนสิ่งที่เธอพูดแต่เขียนด้วยคำพูดที่แตกต่างกัน" ฉันเขียนว่า"วันนี้ช่างเป็นวันที่สวยงาม  แต่ผมไม่สามารถชื่นชมมันได้" ทั้งสองข้อความบอกกล่าวผู้คนว่าเด็กคนนั้นตาบอดที่ว่าข้อความแรกเพียงแค่บอก ธรรดาว่าเด็กชายตาบอด ในขณะที่ข้อความหลังบอกผู้คนว่าพวกเขาช่างโชคดีเหลือเกินที่ไม่ได้ตาบอด

ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
1.ควรช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่าเรา
2.เผชิญหน้ากับอดีตโดยไม่สลดใจ

การนำข้อคิดที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
ถึงแม้เราจะไม่ใช่คนพิการ เราอย่าไปซ้ำเติมเขา เราควรช่วยเหลือเขา

ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน
"วันนี้ช่างเป็นวันที่สวย  แต่ผมไม่สามารถชื่นชมมันได้"

ร้อยใจประสานมือ

ชื่อเรื่อง    ร้อยใจประสานมือ
ชื่อผู้แต่ง  นายวิเชียร    นันทชัยพิทักษ์ 
สำนักพิมพ์  คุรุภาลาดพร้าว           ปีที่พิมพ์  2539
สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
            ฟานและทุกคนอาศัยอยู่ในทับหลังใหม่อย่างมีความสุข  ทับใหม่ในป่าผืนสุดท้ายเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่  สายธารไหลรินให้ความชุ่มชื่นแก่ทุกชีวิต  มีมวลสัตว์ป่ามากมายมาให้ล่าเป็นอาหารอย่างไม่ขาดแคลนทั้งเผือก  มัน  สมุนไพร  ล้วนสมบูรณ์พูนสุข  เหล่านี้คือสิ่งที่ฟานและพวกของเขาต้องการ  เมื่อสิ่งหนึ่งถูกทำลายสิ่งอื่นๆก็จะถูกทำลายด้วยแต่ขณะเดียวกันคนก็สามารถรักษาป่าได้ด้วย  ป่าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของฟานและพวกเขา  ยามหิวป่าให้อาหาร  ยามป่วยไข้ป่าให้ยารักษา  ยามหนาวเหน็บป่าให้ความอบอุ่น  ยามเงียบเหงาป่าให้เสียงดนตรีจากต้นไม้ใบหญ้ากรีดใบจากเสียงร้องของสรรพสัตว์  ในขณะเดียวกันฟานก็ต้องมีหน้าที่ดูแลรักษาป่า  เพราะหากวันไหนที่ป่าถูกโค่นทำลายลง  วันนั้นและของพวกก็คงจะไม่มีที่อยู่  วันนั้นคือวันที่ฟานไม่พึงปรารถนาจะพบเห็น  แต่ วันนั้นอาจจะมาเยือนฟานในวันข้างหน้าก็ได้ถ้าเราไม่ช่วยกันรักษาป่าไม้ฟาน และเผ่าพันธุ์ของเขาจะสามารถดำรงชีพอยู่ในสภาพวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของเขา ได้หรือไม่  วันนี้...ขณะนี้..คงไม่มีใครตอบได้วิถีชีวิตของชนเผ่าซาไก  ดำเนินไปตามกฎเกณฑ์แห่งความเป็นธรรมชาติ  ตราบใดที่พื้นที่ป่ายังคงอยู่ซาไกก็ย่อมจะไม่สูญพันธุ์ซาไกเปรียบเสมือนเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้  ที่ทำหน้าที่คอยตรวจสอบสภาพป่าไม้และสัตว์ป่าให้อยู่ในสภาพสมดุล 
·       ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
การที่ชนเผ่าซาไกได้อยู่ในป่าก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะพวกจะได้ดูแลรักษาป่าไม่ให้ถูกทำลาย  และถ้าเราไม่ทำลายป่าเราก็จะได้รักษาเผ่าพันธุ์ซาไกได้ด้วย

·       การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
การที่มีป่าไว้ให้เราหาประโยชน์จากป่านั้นเราควรที่จะดูแลรักษาป่าให้ดีอย่าให้ใครมาทำลายได้


·       ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน
มีเผ่าพันธุ์ซาไกอาศัยอยู่ในป่าและดูแลป่าอย่างมีความสุขและหาอาหารในป่ายังไม่ขาดแคลน

โรคอันตราย อันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน

ชื่อเรื่อง   โรคอันตราย  อันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน
 ชื่อผู้แต่ง  พ.ญ.พิสุทธิพร   ฉ่ำใจ
สำนักพิมพ์  ต้นธรรม       ปีที่พิมพ์ 2551
สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
            ฤดูร้อนของเมืองไทยมีความรุนแรงและแปรปรวนมากขึ้น  ดังเช่นใน พ.ศ.  2551  ที่ร้อนกว่า  3  ปีที่ผ่านมาในภาวะโลกร้อนอากาศร้อนเป็นอันตรายต่อคนทั้งด้านสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตเรียกว่า  โรคลมแดดหรือโรคลมจากอากาศร้อน  Heat  stroke  มีอาการทางร่างกายได้แก่อ่อนเพลีย  วิงเวียนศีรษะ  เดินโชเซ  อาการเพลียแดดที่เกิดภาวะร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไปจึงควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเพื่อให้ร่างกายเย็นลง  แล้วดื่มน้ำผลไม้เย็นๆสร้างความเย็นและชดเชยน้ำที่เสียไป  และอีกโรคหนึ่งที่น่ากลัวคือโรคมะเร็งผิวหนัง  skin  cancer  ซึ่งมีหลายชนิดมะเร็งผิวหนังเรียกว่า เป็นผื่นเล็กๆ  มีขุย  มักจะพบในบริเวณหน้า  แขนและหลังมือ  โดยเฉพาะบริเวณที่ได้รับแสงมาก  หากไม่รักษาก็จะกลายเป็นมะเร็งในภายหลังสาเหตุส่วนใหญ่คือ  แสงอัลตราไวโอเคต  ยู วีเอและยูวีบีและใช้ยาที่มีส่วนประกอบสารหนูเมื่อรับประทานนานๆจะทำให้เป็น โรคผิวหนังหรือผู้ที่สัมผัสน้ำมันและสารเคมีก่อมะเร็งประจำและส่วนน้อยเกิด จากกรรมพันธุ์  คนผิวขาวและผมสีบลอนด์ไวต่อแสงแดด มากกว่าทำให้ผิวไหม้แดดง่ายมีโอกาสเสี่ยงสูงต่อมะเร็งผิวหนังเพราะมีเม็ดสี ผิวน้อยความสามารถในการป้องกันเซลล์ผิวหนังจากแสงอัลตร้าไวโอเลตจึงมีน้อย กว่าคนผิวคล้ำ  จะพบมะเร็งผิวหนังได้บ่อยในคนที่เป็นโรคผิวหนังที่เรียกว่าคนผิวเผือก Albinism
·        
ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
โรคต่างๆอันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน  ทุกๆคนต้องรู้และใส่ใจเป็นพิเศษ  เพราะเรื่องไกลตัวของเราอีกต่อไปแล้ว  ทุกชีวิตที่อยู่ร่วมกับเราและคนรอบข้างถ้วนเป็นบุคคลที่เสี่ยงต่อโรคภัยทั้งสิ้น
·        
การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
การตระหนักถึงภัยไข้เล็บ  และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่จะก่อใกล้เกิดโรคในชีวิตประจำวัน  เราสามารถหลีกเลี่ยงได้  การอ่านบทความเรื่องนี้ทำให้เราสามารถรู้วิธีการป้องกัน  บรรเทา  อาการโรคต่างๆ  ที่มากับแดดร้อนๆ ซึ่งเราเผชิญอยู่ทุกวัน
·        
ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน
โลกร้อน  ได้ส่งผลกระทบต่อมวลมนุษย์อย่างมหาศาล  และที่สำคัญตัวเราเองก็ต้องรู้จักระวัง  หลีกเลี่ยงและป้องกันภัยเหล่านั้นด้วยโดยเฉพาะ  โรคร้ายที่มาพร้อมกับภาวะโลกร้อนที่อาจจะคว้าชีวิตคนที่เรารักได้ทุกเมื่อ

อยู่ที่หัวใจ

ชื่อเรื่อง  อยู่ที่หัวใจ
ชื่อผู้แต่ง  มุซักกีร
สำนักพิมพ์  ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
ปีที่พิมพ์  ประจำเดือนกุมภาพันธ์  มีนาคม  เมษายน  พ.ศ.2551
สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
หัวใจของคนเราเป็นศูนย์กลางของการกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง  เพราะหัวใจนี่แหละที่ทำให้ผลลัพธ์ของการกระทำเปลี่ยนแปลง  ถ้าใจของเราคิดดีผลลัพธ์ที่เราทำนั้นก็จะออกมาดี  ถ้าใจเราคิดไม่ดีผลลัพธ์ที่อกมานั้นก็จะไม่ดีด้วย  แต่ถ้าเรามัวแต่กลัวจนไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรเลยก็จะเกิดผลเสียตามมา   การงานทุกการงานก็ขึ้นอยู่กับหัวใจ  ดังนั้นเราจึงควรทำงานทุกงานด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์เพราะว่ามันจะส่งผลดีต่อตัวเราและคนรอบข้างของเราด้วยเช่นกัน

ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน   ทำให้เรารู้ว่าเมื่อไหร่ที่เราลงมือทำอะไรก็แล้วแต่ด้วยจิตใจที่ไม่บริสุทธิ์แล้วกจะเกิดผลเสียต่อตัวเราได้

การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
1.   เราต้องคิดก่อนทำเสมอ
2.   การที่เราจะทำอะไรสักอย่างเราต้องซื่อสัตย์เสมอ
3.   เราต้องกล้าที่จะทำอะไรถ้ามัวแต่กลัวแล้วเมื่อไหร่ถึงจะประสบผลสำเร็จ
4.   ถ้าเราทำดีเราก็จะได้ดีแต่ถ้าเราทำชั่วผลออกมาก็จะไม่ดีด้วย
5.   การที่เราจะทำอะไรนั้นเราควรที่จะคิดว่าทำแล้วมีผลต่อใครบ้าง

ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน
การที่เราจะทำงานทุกชิ้นนั้นอยู่ที่หัวใจ  ดังนั้นเราจึงควรทำงานทุกงานด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์และเราก็ต้องซื่อสัตย์กับงานที่ต้องทำ

บ้านหลังสุดท้าย

ชื่อเรื่อง บ้านหลังสุดท้าย
ครั้งที่1 วันที่15 เดือนกันยายน พ.ศ.2553
ชื่อผู้แต่ง นางสาวเนาวรัตน์ ธีรกุลพิสุทธิ์
สำนักโรงพิมพ์ คุรุสภาพร้าว
สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
ทุกคนเริ่มหมดแรง สองขาแถบจะก้าวไม่ออก อ่อนเพลียทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ เมื่อไรจะถึงบ้านใหม่ พ่อทำไมถึงอยู่ไกลอย่างนี้  หนู ไม่อยากไปที่นั้นเลยหนูกลัวว่ามันจะไม่ใช่บ้านใหม่ของเรา ฟ้าบอกพ่ออย่างท้อแท้ แต่ความหวังยังไม่สิ้น เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาตรงหน้าทุกๆคนคือแนวป่าหนาทึบฟ้าย่างกรายเข้า ไปสู่บ้านใหม่ที่สมบูรณ์ ฟ้าวิ่งไปยังลำธารที่ได้ยินอย่างรวดเร็ว เขม้นมองหาอะไรอย่างหนึ่งที่คุ้นเคย สวัสดี เจ้าปลาน้อย ฟ้าเอ่ยทักทายฝูงปลาอย่างดีใจ เด็กน้อยฟ้ากระโดดโลดเต้นไปมา ฟ้าวิ่งไปทั่วจนมาหยุดยืนอยู่ริมลำธารอีกครั้งหนึ่งก็รู้สึกถึงความเย็นฉ่า ของสายน้ำกำลังเล่นน้ำเพลินๆก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงร้องเรียกของพ่อ และขึ้นจากน้ำทันทีเพราะรู้ว่าจะต้องไปผจญภัยในป่ากับพ่ออีกครั้งหนึ่ง รอบๆฟ้าและพ่อมีแต่ต้นไม้และเสียงร้องของสัตว์หลายชนิด ฟังแล้วชั่งไพเราะ ฟ้าได้แต่ภาวนาให้ป่าผืนนี้เป็นป่าที่สมบูรณ์ตลอดไป

ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
เราจะต้องดูแลรักษาสิ่งล้ำค่าให้อยู่คู่กับเราไปนานๆ

การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
  1. ปลูกต้นไม้วันละต้น
  2. ไม่ตัดไม้ทำลายป่า
  3. อนุรักษ์ป่าไม้ให้สมบูรณ์
ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน
ช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์เสียจริงๆธรรมชาติสร้างป่าให้สิ่งมีชีวิตอื่นๆได้พึ่งพาอาศัย
เพราะ ป่านั้นเป็นสิ่งที่สวยงาม และเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย แม้กระทั้งมนุษย์ก็ยังพึ่งพาอาศัยได้

ต้นไม้สวรรค์

ชื่อเรื่อง ต้นไม้สวรรค์
ชื่อผู้แต่ง  มันศูร  อับดุลลอฮ
สำนักพิมพ์ อาลีพาณิช  ปีที่พิมพ์   2548
สรุปสารสำคัญ
มี ต้นอินทผาลัมอยู่ต้นหนึงปลูกอยู่ในเขตของบ้านหลังหนึงบริเวณบ้านของคนยากจน ที่อาศัยอยู่ติดกันบางครั้งเมื่อการเก็บผลอินทผลัมของมันกระเดนเข้าไปในบ้าน ของคนยากจนทำให้เด็กๆต้องมาคว้ากินกันแต่ผู้เป็นเจ้าของไม่พอใจบางที่ถึง กลับดึงเอาออกจากปากเด็กผู้ยากจนด้วยซ้ำจีงนำเรื่องนี้มาร้องเรียนต่อท่าน นบีซอลลออฮวาสัลลัมจึงเรียกเจ้าของต้นอินทผาลัมมาพบและสอบถามว่าเขาเต็มใจ มอบส่วนนี้แก่ท่านไหมเจ้าของสวนตอบปฎิเสธและบอกว่าเคยมีขอซื่อต้นไม่นี้แล้ว แต่เขาไม่ขายให้แพราะติดใจในรสชาติของมันเมื่อเจ้าของต้นอินทผาลัมหากผมซื่อ ต้นไม้นี้และมอบให้ท่านและมอบให้ท่านนบีผมจะได้รับต้นไม้จากสวรรค์ที่ท่านรอ ซุลสํญญาว่าจะให้เป็นการตอบแทนด้วยหริอป่าวชายผู้ันั่นจีงเรียกไปหาเจ้าของ สวนโดยพูดว่าขายต้นอินทผาลัมต้นนี้ให้แก่เราเถอะแก่เราเถอะจะให้ราคาเท่าไร ก็ได้เจ้าของตอบว่าแม้ท่านนบีสํญญาต้นไม้ในสวรรค์ให้แก่ฉันแล้วฉันยังไม่ยอม ให้เลยแม้ราคามากเพียงใดก็ตามเจ้าของส่วนตอบกลับว่าเราอาจจะขายมันแต่คงไม่ มีใครซื่อมั้นหรอกหากเราบอกราคาของมันชายคนนั้นตอบกลับว่าบอกราคามาเถอะเจ้า ของสวนตอบว่าราคาต้นนี้ท่านต้องเอาต้นอื่นมาและถึง 40 ต้นเราจึงจะขายให้ชายคนรับปากแต่ก่อนที่เขาจะจากไปเจ้าของส่วนยังยื่่นเงือน ไขอีกกว่าทั่ง 40 ต้นจะต้องอยู๋ในส่วนเดียวกันทั่งหมดน่ะโดยไม่รอช้าชายคนนั้นรีบตอบตกลงใน เวลาไม่นานชายคนนั้นก็สามารถหาต้นอินทผาลัม 40 ต้นที่อยู่ในสวนเดียวกันได้ท่านนบีซอลลอฮอาลัยฮีวาสัลลัมได้เรียกชายยากจนมา และมอบต้นอินทผาลัมนั่นให้แก่เรา


ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
1ทำความดีเพื่อหวังผลตอบแทน
2 สอนให้คนรู้จักอดทน
3 มีน้ำใจให้กันโดยไม่หวังผลตอบแทน

การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช่ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
1.ทำให้เราได้เห็นคุณค่าของคน
2.ช่วยคนยากจน
3.สอนให้เราได้รู้จักมีความเมตตาเอื้อเฟืยเผื่อ แผ่ ต่อกัน
ข้อความที่ประทับใจ
ชาย ผู้หวังสรรค์ได้ลงทุนอย่างมหาศาลเพื่อให้ได้มาซี่งต้นไม้ที่่ท่านนบีสํญญา ไว้แต่จงคิดดูสิหากท่านนบีสํญญาไว้ว่าเขาจะได้ต้นไม้ในสวรรค์นั่นก็เท่ากับ ว่าชายคนนั่นต้องอยู่ในสวรรค์ด้วยนะสิช่างเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าจริงๆ

ถังแห่งความต้องการ

ชื่อเรื่อง   ถังแห่งความต้องการ

ชื่อผู้แต่ง   นาเดีย      นิมิตวานิช

สำนักพิมพ์   บริษัทศิริวัฒนา  อินเตอร์พริ้นท์  จำกัด    ปีที่พิมพ์   2551

 

สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน

                คนเราส่วนใหญ่ถ้าเข้าข่ายสวย  หล่อ เลือกได้หรืออยู่ในสถานะที่มีข้อดีที่สังคมยอมรับมากมายก็ยิ่งมีข้ออ้างใน การเอาแต่ใจตัวเอง  มีข้ออ้างในการเลือกรับสิ่งที่เข้าในชีวิตมากขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับ เงื่อนไขต่างๆที่เรายึดถืออยู่  จนบางครั้งทำให้กลายเป็นคนที่มีความสุขยากจนเกินไป  แล้วก็มักมีคำถามตามมาว่า  ทำไม  ทำไมและทำไม ? คนที่ดูเหมือนจะไม่ได้เลิศเลอมากมายกลับกลายเป็นคนที่มีความสุขอยู่ทุกวัน ด้วยการพอใจกับสิ่งง่ายๆ ปัญหาของพวกมนุษย์เหล่านี้ก็คือ     ถังแห่งความต้องการ ใบใหญ่เกินไป  ประมาณว่ายิ่งรู้สึกว่าตัวเองดีเลิศมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าสมควรได้รับ การประเคนสิ่งดีๆทั้งหลายจากคนรอบข้างมากเท่านั้น  กลายเป็นการเรียกร้องคาดหวังแล้วก็มีความผิดหวังสูงเมื่อไม่ได้อย่างที่ใจ ปรารถนา  ก็จะทำให้ไม่มีความสุขสักที  ดังนั้น  ถ้าอยากมีความสุขได้ง่ายๆก็ต้องแก้ที่ตัวเราก่อน  เริ่มได้วันนี้ ตอนนี้เพียงแค่ลดขนาดถังความต้องการของเราให้มีใบเล็กลง  พอใจกับอะไรต่างๆได้ง่ายขึ้น  ทำตัวให้ดีขึ้นในด้านต่างๆ  เพื่อคุณภาพชีวิตและจิตใจที่ดีให้สมกับการเกิดมาเป็นมนุษย์  อยากให้ทุกคนมีความสุขง่ายๆทุกวัน  มีใครซักคนเป็นเพื่อนคอยแชร์ความรู้สึกทั้งทุกข์และสุขด้วย  น่าจะเป็นชีวิตที่น่าใฝ่ฝันมากกว่า   ลองอยู่กับสิ่งที่มี  พอใจกับสิ่งที่เป็น  ไม่คาดหวังกับอนาคตและอยู่กับคนอื่นแบบให้เกียรติ  นั่นคือยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น  พร้อมใจช่วยกันปรับตัวไปเรื่อยๆ  อาซีเองก็พยายามลดขนาดถังของตัวเองอยู่  ลองมาช่วยกันพยายามดูนะคะ

 

ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน

                ความต้องการของมนุษย์เรานั้นมีมาก  ถึงจะได้รับมาแล้ว  ใช่ว่าจะมีความสุขกับสิ่งที่ได้เสมอไป  เมื่อเรามีความต้องการมากก็ทำให้เป็นคนเอาแต่ใจ  อยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้  และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เราไม่มีความสุข  ดังนั้นควรลดความต้องการของตนเองให้น้อยลง  พยายามอยู่กับสิ่งที่มี  ไม่เป็นคนเอาแต่ใจ  รู้จักให้เกียรติซึ่งกันและกัน  แค่นี้ก็สามารถทำให้เรามีความสุขได้

 

การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ในชีวิตประจำวัน

1.    พยายามพอใจกับสิ่งที่ตนมี  อยู่กับสิ่งที่ตนเป็น  ไม่โลภมาก

2.    ลดขนาดถังความต้องการของตนเองให้เล็กลง  เพื่อให้ตนเองและคนรอบข้างมีความสุข

3.    พยายามให้เกียรติแก่ผู้อื่นให้มากๆ  อย่าคิดว่าตนเองสูงส่ง

4.    ทำตัวเองในด้านต่างๆให้ดีขึ้น  เพื่อคุณภาพชีวิตและจิตใจที่ดี

 

ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน

                ลองอยู่กับสิ่งที่มี  พอใจกับสิ่งที่เป็น  ไม่คาดหวังกับอนาคตและอยู่กับคนอื่นแบบให้เกียรติ  นั่นคือยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น  พร้อมใจช่วยกันปรับตัวไปเรื่อยๆ  อาซีเองก็พยายามลดขนาดถังของตัวเองอยู่  ลองมาช่วยกันพยายามดูนะคะ

 

ญี่ปุ่นตายเมื่อแผ่นดินไหว

ชื่อเรื่อง ญี่ปุ่นตายเป็นเเสนเมื่อแผ่นดินไหว
ชื่อผู้แต่ง สุมน สิริมา
สำนักพิมพ์ Dดี ปีที่พิมพ์2550
สรุปสำระสำคัญที่ได้จากอ่าน
ญี่ปุนเป็นประเทศที่ต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวมากที่สุดและเสียชีวิตจากภัย พิบัติธรรมชาติประเภทนี้หลายแสนคนการสูญเสียครั้งใหญ่เกิดเมื่อวัน ที่1กันยายน2466จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ในทะเลจึงเกิดคลื่นสึนา มิเข้ามาถล่มฝังด้วยรอบอ่าวซากามิมีเมืองเล็กตั้งเรียงรายหลายเมืองและอาคาร ที่ส้างส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในที่ลุ่มของดินอ่อนจึงเสียหายถูกทำลาย50-80เปอร์ เซ็นตรงเหนือจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวในอ่าวแรงแผ่นดินไหวได้บีบนำใต้ดินบน ทรายให้พุ่งขึนมาทุกครั้งที่คลื่นแผ่นดินไหวแม้บริเวญอ่าวซากามิมีจะเป็นจุด ศูนย์กลางแผ่นดินไหวแต่ก็มีผู้เสียชีวิตน้อยเพราะชุมชนย่านนี้อยู่กันไม่ หน่าแน่นมีอาคารสูงน้อยจึงหนี้ทันแต่เมืองโยโกฮามาอยู่กันอย่างหน่าแน่นจึง มีคนตาย27000คน บาดเจ็บ40000คนซึ่งโตเกียวอยู่ห่างจากโยโกฮามาเล็กจึงทำให้ความรุนแรงจาก แผ่นดินไหวลดลงประชาชนสามารถภออกจากอาคารพังทลายได้แต่ก็ไปไหนไม่ได้เพราะ เส้นทางถูกปิดปรากฏว่าที่โตเกียวมีคนตาย100000คน บาดเจ็บ40000คนและอาคารบ้านเรือนพังทลาย400000หลัง
ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
         การที่เราสร้างอาคารบ้านเรือนต้องดูให้ดีก่อนว่าเราสร้างอาคารบ้านเรือน ณ ตรงจุดนี้จะเกกิดอะไรไหม ดังนั้นราจะต้องสร้างอาคารบ้านเรือนให้ไกลจากภูเขาหรือพื้นที่ ที่เคยเกิดแผ่นดินไหวมาก่อนจะได้ปลอดภัยกับตัวเรา
การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
    1. เราควรตรวจดูพื้นที่ก่อนจะสร้างบ้านเรือน
    2.เราควรส้างอาคารบ้านเรือนให้อยู่ไกลจากภูเขา
    3. เราไม่ควรสร้างอาคารบ้านเรือนให้สูง
ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน
     ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวมากที่สุดและเสียชีวิตจากภัย พิบัติธรรมชาติประเภทนี้หลายเเสนคน  การสูญเสียครั้งนี้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่คนที่ถูกภัยพิบัติ

เม็กซิโกซีตี้บทเรียนของกรุงเทพฯ

ชื่อเรื่อง เม็กซิโกซีตี้บทเรียนของกรุงเทพฯ
ชื่อผู้แต่ง สุมน สิริมา
สำนักพิมพ์ Dดี ปีที่พิมพ์ 2550
สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
   เม็กซิโกซิตี้เป็นเมืองหลวงของประเทศเม็กซิโกมีอะไรที่น่าศึกษาในด้านแผ่น ดินไหวสำหรับกรุงเทพฯอันดับแรกเม็กซิโกซิตี้ตั้อยู่บนพื้นที่ดินอ่อนเช่นกับ กรุงเทพฯ กรุงเทพสร้างบนพื้นที่ดินที่เคยเป็นทะเลมาก่อนส่วนเม็กซิโกสร้างบนพื้นที่ ที่เป็นโคลน ส่วนที่สอง คือรสนิยมที่เหมือนกันในเรื่องคอร์รัปชันความจริงเม็กซิโกไม่เหมือนกรุงเทพ อยู่อย่างหนึ่งคือกรุงเทพไม่ได้อยู่ในเขตแผ่นดินไหวซึ่งเม็กซิโกมีแผ่นดิน ไหวอยู่เป็นประจำแต่ชาวเม็กซิโกซิตี้ไม่ตื้นเต้นกับแผ่นดินไหวเพราะชาว เม็กซิโกชินแล้วจึงทำให้ชาวเม็กซิโกอยู่ในความประมาทจึงทำให้เสียชีวิตมาก เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่19กันยายน2528โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ชายฝัง แปซิฟิกแต่บริเวณที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางกลับไม่เสียหายร้ายแรง มาถล่มเอาพื้นที่กรุงเม็กซิโกซิตี้เป็นคลื่นไปตามแผ่นดินไหวอาคารบ้านเรือน พังทลาย ทั้งเมืองเต็มไปด้วยฝุ่นและควันจากไฟไหม้มีผู้เสียชีวิตกว่า9500คนบาดเจ็บ กว่า300000คนอาคารที่ถูกทำลายส่วนใหญเป็นอาคารที่หลังจากพระราชบัญญัติฉบับ นี้มีผลบังคับใช้แล้ว ส่วนอาคารที่มาสมัยยังเป็นอาณานิคมกลับต้านแผ่นดินไหวได้เป็นอย่างดีและเป็น ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคืออาคารขแงส่วนราชการเกิดความเสียหายมากที่สุด

ข้อคิดเห็นที่ได้จากการอ่าน
 ความประมาทก่อให้เกิดผลเสียต่อทุกคนดังนั้นเราจะ ทำอะไรเราควรคิดให้รอบคอบก่อนจะทำเราไม่ควรอยู่อย่างประมาท

การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
    1. การที่เราจะทำอะไรเราไม่ควรประมาท
    2.เราไม่ควรสร้างอาคารบ้านเรือนให้สูงนัก

ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดของนักเรียน
   เม็กซิโกซิตี้ตั้งอยู่บนพื้นดินอ่อนเช่นเดียวกับกรุงเทพฯกรุงเทพฯเคยสร้างบนพื้นดินที่เป็นทะเลมาก่อน

นกนางแอ่น

ชื่อเรื่อง  นกนางแอ่น
ชื่อผ้แต่ง  อังคาร กัลยาณพงค์
สำนักพิมพ์  บริษัทพัฒนาคุรภาพวิชาการ(พว.)จำกัด  ปีที่พิมพื  พ.ศ. 2547
นกนางแอ่นฝูงหนึ่งอาศัยที่เกาะร้างกลางมหาสมุ ท ลมมรสุมแรงทำให้แม่นกและลูกนกต้องพรากจากกัน ลูกนกเฝ้าออกตามหาแม่นกมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่เจอ แม่นกก็เช่นเดียวกันเฝ้าตามหาลูกอยู่หลายปีแต่ก้ไม่มีวี่แววว่าจะเจอ  ยังไม่ทันได้เจอลูก แม่นกก็ถูกคลื่นทะเลสาดฟาดร่างจมหายไปในทะเลลึก แม่นกได้เกิดใหม่อาศัยอยู่ในฝาหอย ลุกนกเล่าเรื่องให้แม่หอยฟังว่าเธอเป้นเด็กกำพร้า ไม่มีแม่และน้อยใจคิดว่าแม่ทิ้งไปเพราะไม่รัก โดยหารุ้ไม่ว่าหอยตัวนั้นคือแม่ของตน แม่หอยได้ฟังแล้วก็คิดในใจว่าชาติที่แล้วแม่ตายไปยังไม่ทันได้ป้อนเหยื่อให้ เจ้ากินชาตินี้แม่ขอให้ลูกกินแม่ในชาตินี้แทนสิ้นเสียง แม่นกในร่างหอยก็สิ้นลม ลูกนกมารุ้ที่หลังว่าหอยตัวนั้นคือแม่ของตนลุกนกก็ฟุบกลิ้งจนสลบสลายตายตาม แม่ไป

การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
คนเป็นลุกควรคำนึงเสมอว่ามีสิทธิ์แค่น้อยใจไม่มีสิทธิ์โกรธคนเป็นแม่ ,  แม่สามารถให้ทุกสิ่งแก่ลูกได้แม้กระทั่งชีวิต

ข้อความที่ประทับใจ
ชาติที่แล้วแม่ไม่ทันได้ป้อนเหยื่อให้ลูกกิน แม่ขอแก้ตัวในวันนี้โดยการให้ลูกกินแม่ในวันนี้แทน

มหันตภัยจากผลพวงทางเทคโนโลยี

ชื่อเรื่อง  มหันตภัยจากผลพวงทางเทคโนโลยี
ชื่อผุ้แต่ง  ดร.พีรศักดิ์  วรสุนทโรสถ
สำนักพิมพ์  สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งปะเทศไทย(วท.)  ปีที่พิมพ์  2544

       ความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายของคนในสังคมปัจจุบันและความก้าวหน้าทันสมัยของ เครื่องมือทางเทคเทคโนโลยี เช่น การใช้สารเร่งผลผลิต เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะอำนวยควกสะดวกสบายให้แก่เรามากมายเพียงใด เราก็ควรคำนึงถึงผลร้ายที่จะตามมาด้วย เพราะสิ่งประดิษฐ์บางอย่างทำมาจากสารหรือวัตถุที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต และผู้บริโภคอาจถึงขั้นเสียชีวิต
จากการวิเคราะห์โดยหลายหน่วยงาน พบว่าในสิ่งแวดล้อมมีสารพิกระจายอยู่เต็มไปหมด
       ตัวอย่างสารพิษใกล้ตัวที่เป็นอันตราย ต่อสิ่งมีชีวิต เช่น สารตะกั่วจากการซ่อมแบเตอร์รี่ ก่อให้เกิดพิษต่อเม็ดเลือดแดง  สารปรอทจากการทำกระดาษ,พลาสติก ก่อให้เกิดโรคminamata ปอดอักเสบ ทำลายตับไตเมื่อสูดหายใจเข้าไป
       ของบางอย่างที่เราคิดว่าให้ประโยชน์แก่เรามากมายและใช้โดยไม่คำนึงว่ามันก็ สามารถให้โทษแก่เราได้เช่นเดียวกันหากเราใช้มันอย่างไม่ถูกวิธึ

ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
       การจะเลือกของใช้หรือเครื่องมือควรคำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาด้วย เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพของชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้ดีตลอดไป ของทุกสิ่งมันสามารถให้ประโยชน์แก่เราได้มันก็ให้โทษแก่เราได้เช่นเดียวกัน

การนำข้อคิดที่ได้จาการอ่านไปใช้ประโยชนืในชีวิตประจำวัน
       ช่วยเตือนสติให้เราคำนึงถึงผลที่จะตามมาจากการใช้ของชนิดต่างๆ

ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นนักเรียน
      ความทันสมัยของเทคโนโลยีเป็นการทำลายธรรมชาติทางอ้อมหากเราใช้โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมา

เมื่อต้องเล่นกับเวลา

ชื่อเรื่อง………เมื่อต้องเล่นกับเวลา…………………………………………………………………………...
ชื่อผู้แต่ง………ติวเตอร์ณัฐพล……………………………………………………………………………….
สำนักพิมพ์……..บริษัทไพลินบุ๊กเน็ตจำกัด…….ปีที่พิมพ์…..2549……………………………................
                     สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
               เวลาของทุกคนมีเท่าๆกัน  แต่ละคนทำงานได้ต่างกัน  ใช้ชีวิตได้ต่างกัน  และบริหารเวลาได้ต่างกัน  คนที่รู้จักบริหารเวลาเป็น  จะเห็นได้ว่าเขามีเวลาว่างเยอะแต่งานก็เสร็จเรียบร้อยเขาทำได้อย่างไร 
              จัดระเบียบให้ชีวิตและการเรียนจะทำให้การเรียนดีขึ้น  โดยจัดหนังสือไว้เป็นกิจจะลักกษณะ  แบ่งวิชาหมวดหมู่ให้เรียบร้อยการเรียนเล่นๆก็เก่งได้นะ แต่ต้องจัดสัดส่วนการเล่นและเรียนให้เหมาะสมกัน คือ เล่น 20% และเรียนรู้ 80%เราจะต้องเป็นคนช่างวางแผนจัดตารางเวลาด้วย  ห้ามทำตามใจตัวเองหมดเราเองจะแย่ตาม เราต้องบังคับตนเองให้ทำได้จริงๆอย่างที่ตั้งใจไว้  เราต้องรู้จักแบ่งเวลาคือเรื่องสำคัญ  โดยต้องจัดสรรเวลาให้เป็นระเบียบ  โดยการแบ่งเวลานอน เวลาทำงาน และเวลาว่าง  เพื่อที่เราจะได้เผื่อเวลาเอาไว้ในกรณีฉุกเฉิน  เพราะหากไปเร่งจังหวะในการทำงานจนเกินไปนัก  จะทำให้งานของเราไม่มีคุณภาพและต่ำกว่ามาตรฐาน  ง่ายๆเพียงแค่เราจัดลำดับความสำคัญ  ดูว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง งานไหนส่งก่อนก็ควรทำก่อน  เตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆกันลืม  อย่าสะสมงาน  ต้องรู้จักควบคุมตนเองอย่างชาญฉลาด  ไม่ว่างานจะเยอะแค่ไหน  เราต้องจัดเวลาและกำหนดให้เสร็จตามเวลาหรือไล่เลี่ย  เราจะมีความสุขเมื่อเรารู้ว่างานกำลังจะเสร็จอย่าพูดคำว่าทำพรุ่งนี้ละกันคำนี้มันจะควบคู่กับความขี้เกียจ  แต่ถ้าหากเรากำจัดมันได้  ชีวิตนี้ก็จะมีแต่ความสดใส  อีกอย่างก็คือ  เราต้องกำจัดสิ่งก่อกวน  เช่น  โทรศัพท์  เราอาจจะปิดเครื่องเก็บไว้  เพื่อไม่ให้มีใครโทรมารบกวนในขณะที่เรากำลังมีสมาธิในการทำงานอยู่
            สำหรับคนที่รู้สึกกดดันหรืออมีอารมณ์หงุดหงิดเครียด  ให้เอาเวลานั้นไปใช้นั่งสมาธิฝึกวันละไม่กี่สิบนาที  จะทำให้จิตใจเรามีสมาธิ  ใจจดจ่อกับเรื่องต่างๆได้นานกว่าเดิมอย่างน่าอัศจรรย์
ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
1.       ทำให้เราสามารถบริหารเวลาให้เป็น  จนมีเวลาว่างที่จะคิดสร้างสรรค์สิ่งอื่นๆได้
2.       ทำให้เราคิดได้ว่า  เวลาไม่เคยรอใคร
3.       ทำให้เรารู้จักคุณค่าของเวลาว่าที่ผ่านมา  เราปล่อยให้เวลาเดินไปโดยที่เราไม่คิดที่จะบริหารมันเลย
4.       ทำให้เรารู้ว่าการจัดสรรเวลาให้ถูกต้องนั้น  มีประโยชน์กับตัวเรามากแค่ไหน
การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
1.       ทำให้เรารู้จักใช้เวลาอย่างคุ้มค่า  รู้จักแบ่งเวลาอ่านหนังสือ  ทำการบ้าน  กี่ชั่วโมงถึงกี่ชั่วโมง
2.       ทำให้เราสามารถจัดระเบียบชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.       ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า  โดยไม่ใช้ชีวิตไปอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง
4.       ทำให้เรารู้ว่าการเรียนสำคัญกว่างานอื่นๆ  ถ้าหากเรารู้จักบริหารเวลาให้เป็นแล้ว  จะทำให้การเรียนดีขึ้น
ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน
1.       ต้องการให้ผู้อ่านรู้จักแบ่งเวลาในการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง
2.       ต้องการให้ผู้อ่านรู้ว่า เวลาที่เดินไปทีละนิดนั้น  มีค่ามากแค่ไหน
3.       ต้องการให้ผู้อ่านใช้เวลาอย่างคุ้มค่า  แบ่งเวลาในการดำเนินงานของตนเองในชีวิตประจำวัน

บ้านของฉัน

ชื่อเรื่อง    บ้านของฉัน
ชื่อผู้แต่ง    ธามาดา
สำนักพิมพ์ ศรีสยามพริ้นท์แอนด์แพคก์ จำกัด  ปีที่พิมพ์   2553

                พลอย มีความฝันอย่างหนึ่ง เธออยากมีบ้านที่สวยงาม มีทุกอย่างเพียบพร้อม ทุกเวลาที่อยู่ในบ้านมีแต่ความสุขสบาย เธออยากมีรถหรูๆขับ อยากมีเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ทุกสิ่งอย่างที่เธออยากได้มีขายอยู่ทั่วๆไป แต่สิ่งที่จะเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นของเธอ คือ “เงิน”
                เธอ จึงตั้งใจทำงานมากขึ้น หางานพิเศษทำ เพื่อที่เธอจะได้มีเงินเพิ่มมากขึ้น เธอทำงานหนักทุกวัน เพื่อที่จะได้ในสิ่งที่เธอต้องการ ตลอดหลายปีที่เธอทำงานหนัก ทำให้เธอมีเงินมากมาย พอที่จะซื้อของที่เธออยากได้ เธอซื้อบ้านหลังใหญ่ ซื้อเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆที่เธออยากได้  แต่มันยังไม่พอสำหรับเธอ เธอก็ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นอีก แล้วเธอก็ซื้อทุกอย่าง จนตอนนี้ที่บ้านของเธอมีครบทุกอย่าง โอ้…ฉันมีความสุขจังเลย(เธอบอก)
                หลัง จากนั้นไม่กี่วันบ้านของเธอก็ถูกไฟไหม้ จนเหลือแต่วากให้เธอดูต่างหน้า บ้านหลังที่เธอทำงานหนักเพื่อที่จะได้มันมา วันนี้มันหมดไปแล้ว เธอไม่มีอะไรเหลือเลยนอกจากตัวเธอและความรู้ที่มี เธอจึงตัดสินใจที่จะทำงานแล้วสร้างบ้านหลังเล็กๆ ไม่ต้องหรูหรา ไม่ต้องมีของราคาแพงมากมาย ไม่ต้องสวยงาม แต่แค่มีบ้านก็สบายใจแล้ว
                เธอ เดินเข้าไปในบ้านหลังเล็กๆที่เธอสร้างมากับมือ เธอมองข้าวของที่ดูธรรมดา นี้คือบ้านแสนธรรมดาที่สบายที่สุด บ้านไม่จำเป็นต้องใหญ่โต สวยหรูอะไรเลย ขอเพียงเป็นสถานที่ ที่เราอยู่แล้วสบายใจ เท่านั้นก็เพียงพอ ไม่มีที่ใดสุขใจ เท่าบ้านของเรา
               ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
           1.     ความ สุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งของภายนอก อยู่ที่ตัวเรามากกว่า ถ้าเรารู้จักพอ รู้จักใช้ จิตใจของเราก็จะมีความสุข อยู่ได้ด้วยความพอเพียง
2.    คนที่ร่ำรวยใช่ว่าจะมีความสุขเสมอไป ความสุขขึ้นอยู่กับความคิด ความรู้สึกของคนเรา
        การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
คนเราถ้ารู้จักคำว่า"พอเพียง"                แค่นี้ชีวิตเราก็มีความสุข  ความ สุขไม่ได้มาจากการที่เรามีฐานะร่ำรวย มีของดีๆใช้ มีอะไรๆ ครบทุกสิ่งอย่าง แต่ขึ้นอยู่กับตัวเรา ขึ้นอยู่กับความคิด ความรู้สึกของเรา  เรารู้จักพอ รู้จักใช้ แค่นี้ ชีวิตเราก็มีความสุขพอแล้ว
ข้อความที่ประทับใจ
บ้านไม่จำเป็นต้องใหญ่โต สวยหรูอะไรเลย  ขอเพียงเป็นสถานที่ที่เราอยู่อาศัยแล้วสบายใจเท่านั้น ไม่มีที่ใดสุขใจเท่าบ้านของเราอีก

นี้หรือคือชีวิต

ชื่อเรื่อง    นี้หรือคือชีวิต
ชื่อผู้แต่ง    วรากิจ
สำนักพิมพ์ ศรีสยามพริ้นท์แอนด์แพคก์ จำกัด  ปีที่พิมพ์    2553
                ไพลิน เด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งที่บ้านของเขามีฐานะยากจน  พ่อแม่ทำงานรับจ้าง รายได้เพียงน้อยนิด รายจ่ายมากกว่ารายรับ อดมื้อ กินมื้อ เรื่อยมา
                ตอนเด็กๆไพลินเป็นเด็กที่ซื่อๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา จนเพื่อนๆเรียกว่า ไอใบ้แต่ เขาเองไม่ได้สนใจอะไร ไพลินไปโรงเรียนใส่เสื้อตัวเก่าๆ ขาดๆ ไม่มีรองเท้านักเรียนใส่ เพื่อนจึงพากันแกล้งไพลินเป็นประจำ จนไพลินรู้สึกกลัวกับการมาโรงเรียน แต่มีอย่างหนึ่งที่ทำให้ไพลินอยากมาโรงเรียน คือ คุณครูพรพรรณ  คุณ ครูพรพรรณรักและเข้าใจ ไพลิน คอยให้คำปรึกษา ให้กำลังใจ คุณครูพรพรรณรักไพลินเหมือนลูก ไพลินเป็นเด็กตั้งใจเรียนมาก จนทำให้เธอเรียนเก่งที่สุดในห้อง จนไพลินได้รับรางวัลดีเด่น และรางวัลอีกมากมาย พ่อแม่ของไพลินภูมิใจในตัวไพลินมาก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาไพลินเป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อแม่ ไม่ทำตัวเหลวไหล
                ปัจจุบันครอบครัวของไพลินมีฐานะดีขึ้น  พ่อ แม่สามารถส่งลูกๆเรียนสูงๆได้ ไพลินสัญญากับตัวเองว่าจะตั้งใจเรียน เพื่ออนาคตข้างหน้า เพราะไพลินสงสารพ่อแม่ที่ต้องทำงานหนักมาโดยตลอด หยดเหงื่อทุกหยดพ่อกับแม่ทำงานเพื่อไพลินโดยไม่หวังผลตอบแทน แล้วทำไมเธอจะทำเพื่อท่านทั้งสองไม่ได้
ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
1.คนเราอาจจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเป็นคนดีได้
2..ในเมื่อเรามีโอกาส เราก็ควรทำมันให้เต็มที่
3.เมื่อเราได้ดีแล้ว จงอย่าลืมบุคคลที่ให้กำลังใจเรา อยู่ข้างๆเรา หาเงินมาเพื่อเรา เราควรตอบแทนบุญคุณให้สมกับสิ่งที่ท่านให้เรามา
การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
ใน เมื่อเรามีโอกาส มีคนที่คอยดูแล คอยให้กำลังใจ คอยส่งเสียทุกอย่าง เราก็ควรทำให้มันเต็มที่ เราพยายามนึกถึงคนที่ไม่มีโอกาสเหมือนเราสิ ในเมื่อเรามีโอกาสก็ควรทำให้มันดี และเมื่อเราประสบความสำเร็จในชีวิต ก็อย่าลืมตอบแทนบุญคุณท่าน คนที่ให้เราตลอดตั้งแต่เล็กจนโต ท่านทำเพื่อเราได้ เราก็ทำเพื่อท่านได้เช่นกัน
ข้อความที่ประทับใจ
หยดเหงื่อทุกหยดพ่อแม่ทำเพื่อลูกโดยไม่หวังผลตอบแทน แล้วทำไมลูกจะทำเพื่อท่านทั้งสองไม่ได้

ใครมีพ่ออย่างฉันบ้าง

ชื่อเรื่อง ใครมีพ่ออย่างฉันบ้าง

ชื่อผู้แต่ง มิติใหม่ ปีที่พิมพ์ 2540  สำนักพิมพ์...............

สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน

พ่อ ของผมเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยที่รักและภูมิใจในหน้าที่การงานของตัวเอง ซื่อสัตย์และจริงใจต่อชีวิตข้าราชการพร้อมทั้งหวงแหนและเคารพตัวเองอย่างสูง ยิ่ง เนื่องจากเป็นข้าราชการตัวเล็กๆเงินน้อยแล้วยังซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ชีวิตของ พ่อที่ต้องรับผิดชอบลูกสี่คนจึงขัดสนไม่มีพอให้ชักหน้าและเย่อไปข้างหลังแต่ อย่างใดพ่อเคยพูดอยู่เสมอว่าเราเอาเงินหลวงมาทุกๆเดือนเราก็ต้องทำงานแลก เปลี่ยนกับหลวง พ่อเคารพตัวเองเสมอเคารพผู้อื่นสอนให้พวกเราลูกๆเสงี่ยมเจียมตัวต่อผู้ที่ สูงกว่าและให้เคารพนับถือกับผู้ที่ยากจนต่ำต่อยกว่า พ่อปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างให้กับพวกเรา เมื่อคราวที่ฉันและน้องๆเรียนอยู่ชั้นมัธยม พ่อมีเพื่อนฝูงมากมายหลังเลิกงาน พ่อเข้ากลุ่มเฮฮากับเพื่อน พ่อเมากลับบ้านดึกทุกวันแต่พ่อก็ไม่เคยนอกใจแม่  พ่อยังให้ความรักความสนใจในชีวิตของพวกเราอย่างดีเสมอมา พ่อพูดกับเราอยู่บ่อยๆว่าขอให้ตั้งใจเรียนขวนขวายเอาการศึกษาเป็นปฏิบัติติด ตัวจะได้ไม่ทุกข์ยากอย่างพ่อ พ่อถูกจับในข้อหาเล่นการพนัน ซึ่งพ่อไม่เห็นด้วยเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันก็เลยสงสัยว่าเพราะสาเหตุอะไรพ่อจึงทำอย่างนี้ พอฉันได้รู้ว่าเพราะพ่อไม่มีเงินที่จะส่งให้น้องของฉันสอบเข้ามหาลัยจึงขอ กู้ยืมเงินคนอื่นไปทั่วแต่ก็ไม่มีใครยอมให้ยืมเพราะหนี้เก่าพ่อยังไม่จ่าย จากนั้นพ่อก็ทำเรื่องผิดๆเช่นนี้

ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
  
ได้ รู้ถึงค่าของเงินว่ากว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทพ่อแม่ลำบากมากแค่ไหน อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี มีหน้าที่การงานที่ดีและในอนาคตข้างหน้าลูกจะสามารถเลี้ยงพ่อแม่ได้

การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

1.ทำให้รู้จักประหยัด ใช้จ่ายไม่ฟุ่มเฟือย
2.ช่วยเหลือภาระทางการเงินของครอบครัวได้
3.ได้รู้ถึงบุญคุณของพ่อแม่ที่มีแก่เราว่ามหาศาลแค่ไหน

ข้อความที่ประทับใจ/ ข้อคิดเห็นของนักเรียน

เราเอาเงินหลวงมากินทุกๆเดือน เราก็ต้องทำงานแลกกับเงินหลวงให้คุ้มค่า
ข้อความนี้ทำให้ดิฉันรู้สึกว่าเราควรซื่อสัตย์กับหน้าที่การงานของเรา

ที่เรียกว่าก้าวหน้า

ชื่อเรื่อง ที่เรียกว่าก้าวหน้า ชื่อผู้แต่ง ศุทธินี (ศาสตราจารย์ กิติคุณสุทธิลักษณ์ อำพันวงศ์ )
สำนักพิมพ์ ภูมิบัณฑิต   ปีที่พิมพ์ 2544
สรุปสาระสำคัญที่ได้ฃ้อจากการอ่าน
ลักษมี วีณา  และผู้เขียน เป็นเพื่อนกัน พูดแสดงความคิดเห็นว่าใครจะก้าวหน้ามากกว่าใครเมื่อออกไปประกอบอาชีพ ลักษมีใความสำคัญกับเรื่องเกียรติยศ  และมุ่งมั่นที่จะแสวงหาแนวทางที่จะประผลสำเร็จ  เริ่มจากสมัครงานหนังสือพิมพ์ เป็นนักเขียนข่าว และนวนิยาย และประสบความสำเร็จจากการได้เขียนเรียงความแนวเพ้อฝันมีชื่อเสียงเป็นที่ รู้จัก  ส่วนวีณาให้ความสำคัญกับเงินเพระเงินคือรากฐานที่มั่นคงในชีวิต จึงเปลี่ยนงานหลายครั้ง และได้ทำงานประจำที่องค์กรการต่างประเทศ มีรายได้จำนวนมาก ประสบกันความสำเร็จคือได้มีอาชีพที่มั่นคง  ส่วนตัวผู้เขียน ศุทธี ให้วมสำคัญในการเลือกอาชีพครูที่ตนเองรักและพากเพียรจนกระทั่งได้รับปริญญา ที่สูงขึ้น มีความสุขกับการศึกษาเพิ่มมากขึ้น และได้ศึกษาเพิ่มเติมและมีผลงานเป็นที่ยอมรับ มีชื่อเสียงในระดับในประเทศและนอกประเทศ ผู้เขียนได้สรุปเรื่องราวดังกล่าวว่า ความก้าวหน้าที่มีความสำคัญที่สุดก็คือ การมีชื่อเสียง เงิน และวิชาความรู้ ซึ่งเราทุกคนก็ต้องเลือกได้เพียงอย่างเดียว ถ้าเรามีความโชคดีฏ้คงได้ 2 อย่าง แล้วก็ขึ้นอยู่กับเราว่าเราจะเลือกทางเดินช๊วิตแบบไหน
ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
 1. ความก้าวหน้าของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แล้วแต่ความคิดและความต้องการ
2. การเลือกงานที่ตนเองรัก จะประสบความสำเร็จตามที่หวังไว้
3. ควรมีความสุขกับงานที่ทำ และควรค้นตัวเองให้พบว่าการงานใดที่เหมาะสมกับตัวเอง
4. ความมุ่งมั่นความอดทน และความพยยามในอาชีพ จะทำให้พบความก้าวหน้าในอาขีพ
5. นำความรู้จากการอ่านไปใช้เลือกอาชีพที่ตนเองต้องการในชีวิตอนาคตได้
การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
 ถ้าเรารู้จักที่จะกำหนดชีวิตในอนาคตของเราให้แน่วแน่ ตั้งใจว่าจะทำอนาคตให้ประสบผลสำเร็จ  ให้ความสำคัญกับอาชีพที่เรารัก  ค้นคว้าหาความรู้ เพื่อที่จะทำให้ความฝันของเราได้เกิกผลสำเร็จความฝันนั้นก็จะอยู่กับเรา และเราก็สามารถประสบผลสำเร็จได้ในอนาคต
ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน
ความก้าวหน้าที่สมบูรณ์ที่สุดก็คือ การมีชื่อเสียงมีเงิน และมีวิชาความรู้ ซ่งเราทุกคนก็จะเลือกเพียงอย่างเดียว ถ้าเรามีความโชคดีก็คงได้ 2 อย่าง และก็ขึ้นอยู่กับเราว่าเราจะเลือกทางเดินชีวิดแบบใด

ชายยากจนผู้ซื่อตรง

บทความประเภทเรื่องสั้น
ครั้งที่ 2           วันที่ 4     เดือน ธันวาคม     พ.ศ. 2553
ชื่อเรื่อง    ชายยากจนผู้ซื่อตรง
ชื่อผู้แต่ง   อ.มันศูร   อับดุลลอฮ (เก็บมาเล่า)
สำนักพิมพ์   อาลีพาณิชย์             ปีที่พิมพ์ 2548
สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
                ผู้มีเกียรติท่านหนึ่งกำลังขี่ลามาตามถนนในเมืองมักกะฮ มีชายนำหน้าหนึ่งคนซึ่งกำลังตะโกนเสียงดัง “ใ ครพบกระเป๋าบ้างครับ ใครพบกระเป๋าเงินนำมาคืนด้วย...” “ใครพบกระเป๋าจะให้รางวัลเป็นเงิน 100 เหรียญทอง” ต่อมามีชายขาเป๋คนหนึ่ง สวมใส่เสื้อผ้าที่ปะชุนเดินเข้ามาหาคนขี่ลาและได้สอบถามถึงลักษณะของกระเป๋า และสิ่งที่มีในกระเป๋านั้น คนขี่ลาจึงบอกรูปพรรณลักษณะของกระเป๋าและจำนวนเงินที่มีอยู่ซึ่งตรงกับความ เป็นจริงทุกประการชายขาเป๋จึงยื่นกระเป๋าให้แก่คนขี่ลา คนขี่ลากล่าวขอบใจคนขาเป๋ แล้วควักเงินจำนวน 100 เหรียญทองมอบให้แก่ชายขาเป๋ตามที่สัญญาไว้แต่แทนที่จะรับเงินไว้ชายขาเป๋ กลับพูดว่า “เราขอบใจท่านมาก...แต่เราขอปฎิเสธเงินของท่านจงนำมันกลับไปเถิด แค่กระเป๋าหายไปท่านก็ทุกข์ใจมากแล้ว เงินในกระเป๋าของท่านนะไม่มีค่าอันใดต่อฉันเลย เมื่อเทียบกับสิ่งที่อัลลอฮจะให้แก่ฉัน...”  แล้วชายขาเป๋ผู้ยากจนคนนั้นก็จากไปโดยมิได้เหลือบดูเหรียญทองนั้นเลย
ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
                บ่าวที่ดีของอัลลอฮนั้นจะไม่ละโมบในสิ่งใดเพียงพอแล้วที่จะเอาอัลลอฮเป็นที่พึ่ง
การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
                1.ใช้ในการประกอบอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพใดก็ตาม ก็ควรมีความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่คดโกงผู้อื่น
                2.มารยาทในการสอบ ไม่ควรทุจริตในการสอบ ควรซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน
                “เงินในกระเป๋าของท่านไม่มีค่าอันใดต่อฉันเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่อัลลอฮจะให้แก่ฉัน”
ชอบข้อความนี้มากเพราะทำให้เรารู้ว่าคุณค่าที่แท้จริงคืออะไร มันคือคุณงามความดีต่างหากไม่ใช่เงินทอง