วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

เด็กชายจากดาวอื่น

เขียน :  วาวแพร

เล่าเรื่องผ่านเด็กชายปานที่มีนิ้ว มือ ๑๑ นิ้ว มีปานสีแดงน่าเกลียดที่แก้มซ้ายและพูดติดอ่าง เด็กฅนที่ ๒๕ จาก จำนวน ๔๙ ฅน ในสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ของเด็กๆ ที่มีต่อเหตุการณ์ต่างๆ ความคิดต่อบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องใน ชีวิต ถ้อยคำ และการแสดงออกของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็ก

เป็นเพียงเรื่องของเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง จากพ่อแม่ ซึ่งอาจไม่ต้องการหรือไม่พร้อมที่จะมี แล้ว 'แม่หมอเพ็ญ' จำเป็น ต้องบอกเด็กๆ ที่ตนเก็บมาเลี้ยงดูว่าพวกเขามาจากดาวดวงอื่น เพื่อตัดปัญหา ทางจิตใจของเด็กที่ยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจ ก่อนที่จะเปิดเผยความจริงให้ ทราบเมื่อพวกเขาโตมากพอ

ในโลกนี้และสังคมนี้ มีเด็กประเภทที่ 'มาจาก ดาวอื่น' เป็นจำนวนมาก ถึงแม้จะยังไม่สามารถทำให้ 'รัก' พวกเขาได้ ก็ขอให้ ทำตัวเป็น 'เทวดานางฟ้า' สักครั้งหนึ่งในชีวิตก็ยังดี เพราะแม้พวกเขาจะ 'มา จากดาวอื่น' แต่ความจริงก็คือ ในขณะนี้ทุกฅนต่างอยู่บนดาวดวงเดียวกัน และ ถ้าหากตัวเองต้องกลายเป็น 'เด็กจากดาวอื่น' บ้าง จะรู้สึกอย่างไร

ลูกอีสาน

ลูกอีสาน เป็นหนังสือซีไรต์เล่มแรกของไทย และได้รับรางวัลอีกมากมาย ถ่ายทอดสดจากปลายปากกาของ คำพูน บุญทวี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ได้รับการยกย่อง เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2544

           
เรื่อง ราวของ ลูกอีสานนั้น เป็นการนำเสนอเกร็ดชีวิตของผู้เขียน (คำพูน บุญทวี) สะท้อนความเป็นอยู่ตามธรรมชาติ สังคม และประเพณีของชาวที่ราบสูงดินแดนอีสาน ผ่านตัวละคร เด็กน้อยที่ชื่อว่า "คูน" และพ่อ พร้อมทั้งการดำเนินชีวิตของชาวชุมชนที่ต้องดิ้นรนต่อสู้กับความแร้นแค้น ที่หล่อหลอม พวกเขาให้เป็น "ลูกอีสาน" อย่างแท้จริง และจากการที่ผมได้รับชมหลายครั้ง สิ่งที่ได้มองเห็นคือ การรักถิ่นฐานบ้านเกิดของพ่อของคูณ เพราะ ณ ช่วงเวลานั้น ภาคอีสานได้เกิดความแห้งแล้งเป็นอย่างมาก ผู้คนก็มีการอพยพถิ่นฐานกันเป็นจำนวนมากเพื่อไปแสวงหาถิ่นฐานแห่งใหม่ เพื่ออนาคตที่ดีของครอบครัวตนเอง แต่พ่อคุณกลับไม่ยอมย้ายถิ่นฐานตามผู้คนเหล่านนั้นไป

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

เด็กชายที่ยังเลวไม่พอ

ชื่อเรื่อง...เด็กชายที่ยังเลวไม่พอ 
ชื่อผู้แต่ง...เอลีน  โคลเวน 
สำนักพิมพ์...เรจีนา  ปีที่พิมพ์...2544

มีเด็กชายคนหนึ่งชื่อคลาวด์ เขาเป็นเด็กซึ่งเลวมากจนผู้คนที่อยู่ไกลและใกล้ได้ยินถึงคาวมซนของเขา ครั้งหนึ่งเมื่อมีคุณย่ามาอยู่กับเขาด้วยคลาวด์จับกบอ้วนมาไว้บนเตียงของ ท่าน  และอีกครั้งหนึ่งเมื่อคุณครูไม่ทันได้มองเขาก็เลื่อนเข็มนาฬิกาของ โรงเรียนทำให้เด็กๆได้กลับบ้านก่อนเวลาถึง2ชั่วโมง  และมีอีกที่เขาเลวมากคือเขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่สูงที่สุดในสวนแล้วผูกเสื้อ เชิ้ตตัวที่ดีที่สุดของคุณพ่อไว้บนกิ่งไม้ที่สูงที่สุดมันจึงโบกตามลมราวกับ ธง   คุณพ่อคุณแม่และพี่น้องของเขาได้ใช้ทุกวิธีทางที่จะหยุดความซุกซนของคลาวด์ และทำให้เขาเป็นเด็กดีขึ้นพวกเขาให้เขาอดอาหารและไม่ให้ไปดูละครสัตว์แต่มัน ก็ไม่เป็นผลและวันหนึ่งทุกคนในเมืองต่างได้ยินถึงความซนของคลาวด์และไม่นาน ข่าวก็แพร่กระจายไปถึงหูแม่มดซึ่งแก่ที่สุด น่าเกลียดที่สุดและชั่วร้ายที่สุดในอณาจักรก็ทราบข่าว   จึงมาหาเด็กชายคลาวด์ที่บ้านและก็จะมาพาตัวเด็กชายคลาวด์ไปที่โรงเรียนพ่อมด ที่มีแต่เด็กเลว
    
ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
การที่คลาวด์เป็นเด็กซนและเป็นเด็กที่ชอบแกล้งผู้อื่นทำให้คนในเมืองต่าง ก็ไม่ชอบนิสัยของคลาวด์จึงทำให้คลาวด์ไม่มีเพื่อนคบและพ่อแม่ผู้ปกครองก็ไม่ อยากให้ลูกๆมาคบกับคลาวด์และก็ไม่ยอมให้ลูกของตนเองมาเล่นด้วยเด็ดขาดจึงทำ ให้คลาวด์ไม่มีเพื่อน
    
การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
1.  รู้จักทำตัวมีระเบียบเพื่อที่จะได้อยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในสังคม
2.  รู้จักการแบ่งปั่นและช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อน
3.  เชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดามารดาและญาติผู้ใหญ่
   
ข้อความที่ประทับใจ / ข้อคิดเห็นของนักเรียน
การที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งกลับตัวกลับใจเป็นคนดีถือว่าเป็นเรื่องที่น่า ยกย่องแก่เด็กผู้ชายคนนั้นที่คิดได้ว่าการที่เคยเป็นเด็กเลวทำให้คนอื่น เดือดร้อนและทำให้พ่อแม่พี่น้องต้องเสียใจมากและแล้วเขาก็คิดได้และกลายเป็น คนดีในสุด

ครอบครัวอบอุ่น

ชื่อเรื่อง ครอบครัวอบอุ่น
ชื่อผู้แต่ง ทองดี สุรเตโช
สำนักพิมพ์ สำนักงานกิจกรรมสตรีและสถานบันครอบครัว ปีที่พิมพ์ 2552
สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
ครอบครัวอบอุ่น
คำว่า ครอบครัว เป็น คำที่มีความหมายมาก คือ หมายถึงความรักความอบอุ่น ความเป็นอันเดียวกัน สมัยลูกเป็นเด็กๆ เราอยู่รวมกันเป็นครอบครัว มีเสียงหัวเราะสนุกสนาน มี เสียงวิ่งเล่นวิ่งไล่กัน ได้ทานอาหารรวมกัน ได้อะไรด้วยกัน ดูมันมีชีวิตชีวา แม้พ่อแม่จะทำงานเหน็ดเหนื่อยกันมา พอเห็นหน้าลูกๆ มาคอยต้อนรับหน้าประตู ถามว่าเหนื่อยไหมแล้วช่วยถือกระเป๋าถือของให้ เท่านี้ก็หายเหนื่อยแล้ว เห็นลูกกินได้นอนหลับ พ่อกับแม่ก็สบายใจนี่แหละลูกเอ่ยที่เขาว่าครอบครัวที่อบอุ่น ตอนนี้ลูกก็โตกันแล้ว หากสามารถเสบเป่าได้ พ่อกับแม่ก็อยากจะเสบเป่าให้ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่น พร้อม หน้าพร้อมตากัน เหมือนตอนเป็นเด็กทานข้าวด้วยกัน ถามไถ่สุขของกันและกัน ได้อุ่มหลานตัวน้อยๆ เท่านี้ก็ยืนอายุให้พ่อกับแม่ได้อีกหลายปีแล้วลูกเอ่ย
ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
1 รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
2 รู้จักความเป็นอยู่ของครอบครัวว่าเวลาพ่อแม่ทำงานหาเงินมาซื้อกับข้าว พ่อกับแม่ต้องทนเหน็ดเหนื่อยมากขนาดไหน เพื่อจะให้ลูกๆอยู่กินมีความสุข
ข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
จากที่เราได้อ่านมาแล้วเรื่องครอบครัวอบอุ่นมาแล้วเราสามารถนำมาประยุกต์ได้ในชีวิตประจำวัน เพราะการเป็นแม่นั้นควรที่จะทำให้ลูกๆมีความสุขถึงพ่อกับแม่จะทำงานเหน็ดเหนื่อยกันมาเพียงใด
ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน
แม้ พ่อกับแม่จะทำงานเหน็ดเหนื่อยกันมาแค่ไหน พอเห็นหน้าลูกๆเท่านี้ก็หายเหนื่อยแล้ว พ่อกับแม่ก็สบายใจแล้ว นี่แหละลูกเอ๋ยที่เขาว่าครอบครัวที่อบอุ่น

รักพอดีๆ

ชื่อเรื่องรักพอดีๆ                                 
ชื่อผู้แต่งอชิรญา    แจแปน
สำนักพิมพ์บริษัท  แฮ๊ปปี้บุ๊ค  พับลิชชั่ง  จำกัด   ปีที่พิมพ์…2553

สาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน
      ปริมาณความรักคงไม่สามารถวัดด้วยหน่วยวัดน้ำหนักได้   เพราะความรักเป็นเรื่องนามธรรมจับต้องไม่ได้  แต่สามารถสัมผัสรับรู้ความรู้สึกได้  รักแค่ไหนถึงเรียกว่าพอดี  จึงไม่สามารถกะเกณฑ์เป็นตัวเลขได้  มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่จะรู้ดีว่ารักแค่ไหนถึงจะพอดี
      รักแบบพอดีมันต้องอาศัยองค์ประกอบของความรักและเหตุผล  รักแบบพอดีของคนๆหนึ่ง  ไม่จำเป็นต้องเท่ากับของอีกคนเสมอไปและไม่มีใครสามารถรกำหนดแทนกันได้  เพราะอย่างนี้คนที่รักในวัยเรียนต้องเป็นผู้กำหนดเอง โดยดูจากปัจจัยต่างๆเช่น  ความรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหน  ผลการเรียนอยู่ระดับไหน  ควาสัมพันธ์ของคนรอบข้างเป้นอย่างไร  และอื่นๆ  ถ้าปัจจัยเหล่านี้อยู่ในขั้นตอนพอใจ  มีความรับผิดชอบอย่างเต็มที่  การเรียนอยู่ในขั้นดี  ก็ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง  ความรักแบบพอดีของคนเหล่านี้จึงสามารถเลยครึ่งแก้ว(น้ำ)มาได้


ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
     ในการที่เราจะรักใครคนหนึ่งนั้น  เราควรรักแบบพอดี  ไม่หักโหมจนเกินควรคำนึงถึงสิ่งรอบข้างด้วยว่า  เมื่อเรามีรักแล้วมันทำอะไรเสียหายหรือเปล่า  อย่างเช่น  ในเรื่องการเรียนของเราและอื่นๆ  รวมถึงการที่เรารักอย่างมีเหตุผล

การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
     เราก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์เมื่อเรารู้สึกอยากจะรักใครสักคน  ให้รู้จักพอดีของความรัก  เพื่อที่จะได้ไม่ผิดหวังกับความรักและนั่งเสียใจเป็นเหมือนวัยรุ่นงมงายทั่วไป

ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน
       รักเป็นสิ่งที่ไม่สามารถกะเกณฐ์ได้  แต่เราจะรู้ว่าพอดีได้ด้วยความรู้สึกของคนสองคน

ศิษย์ที่ครูไม่ต้องการ

ชื่อเรื่อง  ศิษย์ที่ครูไม่ต้องการ

ชื่อผู้แต่ง  พินิตย์ พันธประวัติ

สำนักพิมพ์  โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว  ปีที่พิมพ์ 2525

สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน

    เด็กชายเดช เดชากุล เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นลูกคนเดียวของผู้มีอันจะกินคนหนึ่งถูกพ่อแม่ตามใจมากเกินไป เดชเป็นเด็กฉลาดแต่เขาไม่สนใจต่อการเรียนขาดเรียนบ่อย เอาแต่ใจตนเอง วันหนึ่งเดชมาเรียนตามปกติครูพรทิพย์จึงเรียกเดชมาพบที่โต๊ะหน้าห้องแต่เดช ไม่ยอมออกมาทำเป็นไม่สนใจต่อคำพูดของคุณครูและมีการโต้ตอบทำให้ครูไม่สามารถ ข่มใจได้อีกจึงพูดสั่งสอนเดชอย่างโมโห วันรุ่งขึ้นเดชมาเรียนเพียงครึ่งวันแล้วก็หิ้วกระเป๋าเดินคอตกกลับบ้าน ครูพรทิพย์สังเกตุว่าช่วงนี้เดชมาเรียนทุกวันแต่งกายเรียบร้อยแต่ซึมเศร้า ครูพรทิพย์ทำเป็นไม่สนใจเดชไม่ใยดีจนกระทั่งถึงวันสอบอ่านวิชาภาษาไทยเดชก็ เข้ามาจะสอบแต่ครูไม่สนใจไม่พูดด้วยเขาก็เดินออกไปแล้วเดินกลับบ้านน้ำตาซึม วันรุ่งขึ้นเดชไม่มาเรียนหลายวันและครูได้ข่าวว่าเดชไม่สบายครูจึงไปเยี่ยม ที่บ้านเดชขอโทษคุณครู คุณครูพรทิพย์ให้อภัยเดชทุกอย่างเพราะเดชได้ปรับปรุงตัวเองจนกลายเป็นคนละคน คุณครูพรทิพย์มีความสุขสุดที่จะกล่าว

ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน

   ได้รู้ถึงความรักที่ครูมีต่อลูกศิษย์ความอดทนเพื่อให้ลูกศิษย์เป็นคนดี คุณครูต้องการลูกศิษย์ทุกคนขึ้นอยู่ที่ตัวเราว่าจะทำตัวให้ครูต้องการหรือ ไม่ต้องการ

การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

    ทำให้เราคิดได้ว่าถ้าไม่สนใจต่อการเรียนเราจะไม่เป็นที่รักของคุณครู ทำให้เราปรับปรุงตัวเองกับการเรียนในชีวิตประจำวันของเราให้ดียิ่งขึ้น

ข้อความประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน

    ข้อความที่ครูให้อภัยต่อเดช สะท้อนให้เห็นความมีเมตตาสงสารพร้อมที่จะให้อภัยเมื่อเรากลับตัวเป็นคนดี

อยากให้บ้านนี้มีแต่รัก

ชื่อผู้แต่ง  ประภาศรี  เทียนประเสริฐ

สำนักพิมพ์  โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว

ปีที่พิมพ์  2539

สรุปสาระสำคัญที่ได้จากการอ่าน

  อรวีเป็นสาวน้อยร่างโปร่งผิวขาวและเป็นลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจชื่อดังเธอ เกิดในครอบครัวที่มีฐานะความเป็นอยู่ดีแต่เธอไม่มีความสุขสบายดังฐานะของเธอ เลย ชีวิตของอรวีจึงเป็นชีวิตแบบหนึ่งในสังคมปัจจุบัน ตอนนี้อรวีเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เขาน้อยอกน้อยใจตลอดเวลาถ้าคิดถึงเรื่องภายในครอบครัวของเขาเพราะพ่อแม่ ของอรวีไม่เคยมีเวลาให้เขาเลยแม้แต่วันหยุดเรียนก็ยังต้องออกไปพบปะสังคมภาย นอกปล่อยให้เธออยู่บ้านตามลำพังคนเดียวไม่มีคนที่จะปรึกษาไม่มีคนคอยถามข่าว การเรียนของเขาเลย อรวีตื่นแต่เช้าออกจากบ้านเพื่อจะไปเรียนหนังสือดดยที่แม่กับพ่อของเขายัง ไม่ตื่นนอนเลยพอกลับมาถึงบ้านก็ไม่มีใครอยู่มีแต่คนใช้เพราะพ่อกับแม่ไปทำ งานกว่าจะกลับอรวีก็เขานอนแล้วชีวิตของอรวีเป็นอย่างนี้ทุกวันจนบางครั้งทำ ให้อรวีไม่อยากกลับบ้านเลยเขาไม่เคยมีความสุขเขาอยากมีชีวิตเหมือนคนปกติถึง แม้จะมีฐานะไม่ร่ำรวยแต่เขาขอแค่พ่อแม่ลูกอยู่พร้อมหน้ากินข้าวด้วยกันแค่ นี้ก็พอใจแล้ววันหนึ่งเขาไปเรียนตามปกติก็มีเพื่อนของเขาคนหนึ่งมาคุยกับอร วีบอกว่าเขาเสียตัวให้กับผู้ชายที่พึ่งรู้จักจากการไปเที่ยวพับกลางคืนอรวี ตกใจมากจากเรี่องที่ได้ฟังทำให้อรวีคิดได้ว่าไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยและอบอุ่น เท่าบ้านของเขาเองไม่มีใครที่จะให้ความรักกับเราเท่าพ่อกับแม่

ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน

ครอบครัวจะเป็นสุขได้ถ้าทุกคนรู้จักหน้าที่ยอมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกัน และกันรู้จักให้อภัยไม่มีทิฐิเข้าใส่กันไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือลูกต่างคน ต่างก็เป็นกระจกเงาให้กันและกันบ้านก็จะอบอุ่นด้วยไอรัก

การนำข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

ตั้งใจเล่าเรียนไม่เที่ยวไหนตามใจชอบมีอะไรปรึกษาพ่อกับแม่

ข้อความที่ประทับใจ/ข้อคิดเห็นของนักเรียน

เนื้อหาสาระที่เน้นให้เห้นความสำคัญของสถาบันครอบครัวตลอดจนตระหนักใน ปัญหาต่างๆที่อาจมีผลกระทบต่อคนในครอบครัวโดยเฉพาะวัยรุ่นและแนวทางการแก็ป ัญหาเพื่อสร้างความรักความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกในครอบครัว