บันทึกการอ่าน
ประเภทของสือการเรียนรู้
บทความ เรื่องสั้น เรื่องสั้น
ครั้งที่ 3 วันที่ 26 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ชื่อเรื่อง ความบังเอิญที่โชคดี
ชื่อผู้แต่ง หนุ่มเมืองจันทร์
สำนักพิมพ์ มติชน ปีที่พิมพ์ มิถุนายน 2537
สรุปสาระสําคัญที่ได้จากการอ่าน
ผมกำลังเดินอยู่บนถนนท่ามกลางแสงไฟสลัวในช่วงโพล้เพล้ของวันหนึ่ง พลันได้ยินเสียงร้องอู้อี้เหมือนถูก ผ้าอุดปากดังออกมาจากหลังพงไม้ อารามตกใจ ผมชะลอฝีเท้าเพื่อพังและรู้สึกตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าเสียงที่ผมได้ยินคือเสียงการต่อสู้กันอย่างแน่นอน มีทั้งเสียงตะคอก และเสียงเสื้อผ้าฉีกขาด มีหญิงกำลังถูกทำร้ายห่างจากจุดที่ผมยืนไม่กี่เมตร ผมควรเข้าไปยุ่งดีหรือเปล่า ผมรู้สึกหวั่นกับสวัสดิภาพของตัวเองและนึกตำหนิตัวเองที่ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทาง กลับบ้านใหม่กะทันหัน ผมควรจะเข้าไปช่วยหรือแค่วิ่งไปยังโทรศัพท์เครื่องที่ใกล้ที่สุดเพื่อโทรแจ้งตำรวจ
.......เสียงร้องของเด็กผู้หญิงเริ่มเบาลง ผมรู้ทันทีว่าจะต้องรีบทำอะไรสักอย่าง ผมจะเดินหนีเหตุการณ์นี้ไป ได้อย่างไร เอาละ ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมไม่อาจหันหลังให้กับชะตาของผู้หญิงที่ไม่รู้จักคนนี้ได้ แม้มันหมายถึง การเอาชีวิตเขาไปเสี่ยง ผมไม่ใช่คนกล้า และไม่ใช่นักกีฬา ผมไม่รู้ว่าความกล้าและพละกำลังในตัวนั้นมาจากไหน
แต่ทันทีที่ตัดสินใจช่วยเธอ ผมดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ผมวิ่งไปหลังพุ่มไม้และดึงเจ้าวายร้ายออกมาจากร่างของหญิงสาว เราต่อสู้กันจนกลิ้งไปกับพื้นทั้งคู่ และ ปล้ำสู้กันอยู่สักพักหนึ่ง ในที่สุดเจ้าตัวร้ายก็ลุกขึ้นและวิ่งหนีไป
ผมหอบฮักๆ และพยายามตะเกียกตะกาย ไปหาเด็กผู้หญิงซึ่งนอนหมอบร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่หลังต้นไม้
ท่ามกลางความมืด ผมแทบไม่เห็นตัวเธอเลย แต่มีความรู้สึกว่าเธอต้องกำลังตกใจกลัวจนตัวสั่นอยู่แน่นอน
ด้วยไม่อยากจะให้เธอตกใจมากไปกว่านี้ ผมจึงพูดกับเธอในระยะไกลๆ "ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว" ผมปลอบ "มันวิ่งหนีไปแล้ว คุณปลอดภัยแล้วตอนนี้"
……..เธอเงียบไปสักพัก แล้วผมก็ได้ยินเธอเปล่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ "พ่อคะ นั่นพ่อเหรอคะ" แล้วผู้ที่ก้าวออกมา จากหลังต้นไม้ก็คือแคเธอรีน ลูกสาวคนเล็กของผมเอง ...
จะเกิดอะไรขึ้น หากชายผู้นี้ลังเลที่จะไม่ช่วยเด็กหญิงที่กำลังถูกทำร้ายซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็คือลูกของตัวเอง???
.......เสียงร้องของเด็กผู้หญิงเริ่มเบาลง ผมรู้ทันทีว่าจะต้องรีบทำอะไรสักอย่าง ผมจะเดินหนีเหตุการณ์นี้ไป ได้อย่างไร เอาละ ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมไม่อาจหันหลังให้กับชะตาของผู้หญิงที่ไม่รู้จักคนนี้ได้ แม้มันหมายถึง การเอาชีวิตเขาไปเสี่ยง ผมไม่ใช่คนกล้า และไม่ใช่นักกีฬา ผมไม่รู้ว่าความกล้าและพละกำลังในตัวนั้นมาจากไหน
แต่ทันทีที่ตัดสินใจช่วยเธอ ผมดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ผมวิ่งไปหลังพุ่มไม้และดึงเจ้าวายร้ายออกมาจากร่างของหญิงสาว เราต่อสู้กันจนกลิ้งไปกับพื้นทั้งคู่ และ ปล้ำสู้กันอยู่สักพักหนึ่ง ในที่สุดเจ้าตัวร้ายก็ลุกขึ้นและวิ่งหนีไป
ผมหอบฮักๆ และพยายามตะเกียกตะกาย ไปหาเด็กผู้หญิงซึ่งนอนหมอบร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่หลังต้นไม้
ท่ามกลางความมืด ผมแทบไม่เห็นตัวเธอเลย แต่มีความรู้สึกว่าเธอต้องกำลังตกใจกลัวจนตัวสั่นอยู่แน่นอน
ด้วยไม่อยากจะให้เธอตกใจมากไปกว่านี้ ผมจึงพูดกับเธอในระยะไกลๆ "ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว" ผมปลอบ "มันวิ่งหนีไปแล้ว คุณปลอดภัยแล้วตอนนี้"
……..เธอเงียบไปสักพัก แล้วผมก็ได้ยินเธอเปล่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ "พ่อคะ นั่นพ่อเหรอคะ" แล้วผู้ที่ก้าวออกมา จากหลังต้นไม้ก็คือแคเธอรีน ลูกสาวคนเล็กของผมเอง ...
จะเกิดอะไรขึ้น หากชายผู้นี้ลังเลที่จะไม่ช่วยเด็กหญิงที่กำลังถูกทำร้ายซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็คือลูกของตัวเอง???
ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
เป็นเรื่องราวที่ดีมากเลยครับที่ช่วยให้คนบนโลกน้อยๆ ใบนี้ได้เตือนสติเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ยินดีรับฟังความคิดเห็นจากทุกท่าน!!!
และยินดีรับเรื่องสั้นที่ท่านจะแบ่งปัน เพื่อนำมารวบรวมไว้เพิ่มเติมและเพื่อเป็นประโยชน์แก่คนรุ่นต่อๆไป